“แนวคิดในการดำเนินชีวิต ตอน 2”
คุณยุทธพล กล่าวต่อจากเมื่อวานว่า หลังจากนั้นได้ทำงานไปด้วยและเรียน มสธ. ไปด้วยเพราะรู้ว่าการที่มีวุฒิ ปวช. 3 ไม่พอ ต้องขอบคุณพระคุณของยายเป็นสารตั้งต้นในการลงทะเบียนเรียนทำให้สามารถเรียนปริญญาตรีได้ และได้ทำงานรับจ้างด้วย เนื่องจากในสมัยนั้นการจ้างงานคนพิการไม่ได้มีกำหนดไว้ในกฎหมายเหมือนในปัจจุบัน เพื่อให้คนพิการได้มีแต้มต่อ ในสมัยนั้นสนใจแต่ว่าคุณสามารถทำงานได้หรือไม่ มีตำแหน่งว่างแบบนี้คุณสามารถทำได้หรือไม่ ต้องใช้แรงงานเข้าแลก ตำแหน่งสุดท้ายก่อนเข้าสู่วงการคนพิการ คือ พนักงานร้านซิซซ์เล่อร์ สาขากาดสวนแก้ว จ.เชียงใหม่ ณ ตอนนั้นสู้ชีวิตเป็นอย่างมากเพราะด้วยตัวเรามีความพิการที่ไม่ได้มากจนต้องมีข้อจำกัด สามารถยอมรับเงื่อนไขทางสังคมในการทำงานได้เช่นเดียวกับคนทั่วไปแต่อาจจะทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากว่าใช้ขาเทียมเรื่องการทรงตัวหรือยืนนาน ๆ ถือว่าต้องเรียนรู้อยู่ให้ได้ คือการเลี้ยงตัวเองและค่าเทอมด้วย
ต่อมาได้รู้จักกับคุณกัชกร ทวีศรี ทำงานที่องค์กรคนพิการแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นอยากศึกษาโมเดลการจัดตั้งกลุ่ม ร่วมเป็นทีมงานเป็นพลังโปรเจคนำร่อง ทำให้ได้เห็นโอกาสหลายอย่าง ก่อตั้งเมื่อปี 2545 เป็นอาสาสมัครภาษาอังกฤษประเทศไทย เป็นการหนุนเสริมองค์กรที่เกิดขึ้นใหม่ ทำให้เกิดความเข้มแข็งและได้เรียนรู้ถึงความอดทนในวิกฤตหรือความยากลำบาก มีมิตรภาพระหว่างทาง พบเจอน้ำใจจากคนรอบข้าง ถึงแม้ในช่วงวัยเด็กมีความสุขน้อย แต่ความสุขของเรามาจากการอดออมเก็บเงิน เมื่ออยากฟังเพลงต้องเก็บเงินซื้อเทป เป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พอจะแสวงหาได้ด้วยตนเองจากข้อจำกัดบางอย่าง หรือแม้กระทั่งอยากกินขนมแต่ไม่สามารถซื้อได้ต้องเก็บออม อยากได้ของเล่นต้องเก็บออมแล้วซื้อเอง ทำให้รู้ว่าทุก ๆ เส้นทางไม่มีสุขตลอดกาลและไม่มีทุกข์ตลอดไป สิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้หล่อหลอมบางอย่างเพื่อให้เห็นว่ามันคือวิธีคิดในการจัดการตัวเองในอนาคตเป็นการมองวิธีการบริหารเงินและการจัดการความคิดของตนเองในอนาคตด้วย
แนวคิดในการใช้ชีวิต เคยอ่านบทความหนึ่งว่า “แม้กระทั่งซากพืชซากสัตว์ยังทิ้งคุณค่าให้โลกนี้ได้” จึงคิดว่าถ้าตัวเราเป็นประโยชน์แก่โลกนี้ได้หรือเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นได้ คิดว่ายินดีและเต็มใจ ตอนนี้ทุก ๆ 3 เดือน พยายามบริจาคเลือดเพราะเป็นสิ่งที่ไม่ต้องซื้อหาแค่พยายามดูแลสุขภาพตัวเองเพื่อให้เลือดมีความเข้มข้นมากพอ เป็นต้น และโอกาสที่ดีที่ได้ทำงานในด้านคนพิการเพื่อคนพิการ หรือการทำงานเชิงสังคมเป็นประเด็นที่สำคัญ
คุณยุทธพล ทิ้งท้ายว่า “ทั้งนี้ทั้งนั้นแม้เลือกเกิดไม่ได้แต่เราเลือกที่จะทำสิ่งดี ๆ ให้กับตัวเองหรือกับสังคมได้ คือสิ่งที่เราเต็มใจที่จะทำ บางครั้งเราเองไม่จำเป็นต้องเอาตัวไปเรียนรู้ประสบการณ์อันเลวร้าย เช่น อยากลองติดยาดูไหม ซึ่งไม่จำเป็นที่ต้องเรียนรู้ด้วยชีวิตเราหรือเรียนรู้ความล้มเหลว ข้อจำกัด สิ่งที่ไม่ดีผ่านวิถีชีวิต ข่าว หรือสิ่งรอบกายมากพอแล้ว หลักการเดียวกันเหมือนคนยุคใหม่สามารถเรียนรู้และก้าวข้ามความล้มเหลวจากสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ยิ่งเรียนรู้ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต สามารถศึกษาได้จากกรณีศึกษาต่าง ๆ มากมาย เพราะฉะนั้นบทเรียนหรือกรณีศึกษาช่วยทำให้เราพึงระวังและก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ได้ ในขณะเดียวกันประสบการณ์บางอย่างเป็นบทเรียนที่สำคัญไม่สามารถซื้อหาได้ บางทีเราไม่มีพลังไม่มีชีวิตชีวาทำให้ต้องไปหาธรรมชาติ การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีทำให้ได้เห็นโลกใหม่ ๆ เหมือนเป็นการได้รับพลังงานที่ดี เติมพลังให้เรา ลองสิ่งที่ถูกที่ดีแล้วเราจะได้พลัง”
... สามารถติดตามรับฟังรายการรวมใจเป็นหนึ่ง ได้ทางสถานีวิทยุศึกษา FM 92 MHz หรือ www.moeradiothai.net
... สามารถติดตามรับฟังรายการรวมใจเป็นหนึ่ง ได้ทางสถานีวิทยุศึกษา FM 92 MHz หรือ www.moeradiothai.net