ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ทักษะการจัดระบบสำหรับนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้: ระบบในการจัดแฟ้มเอกสาร

โดย แพทริเซีย ดับบลิว นิวฮอลล์ (2008)

ลองคิดดูซิ นักดนตรีมาถึงที่บ้านของผู้จ้างแล้วถามว่า เขาจะขอยืมเครื่องมือเล่นดนตรีได้บ้างไหม  นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลวิ่งไปที่สนามสำหรับการเล่นเกมอันสำคัญโดยไม่ใส่หมวก และที่ใส่หน้าอกกันกระแทก  เจ้าหน้าที่พยาบาลรีบตรงมาตามการโทรเรียกของ 191 แต่ลืมเครื่องปฐมพยาบาลไว้ที่สถานีดับเพลิง  ยอมรับไม่ได้ใช่ไหม  แน่นอน  นักดนตรีคงต้องเลิกเป็นนักดนตรีไปเลย  นักฟุตบอลคงจะถูกให้ถอนตัวจากการแข่งขัน  เจ้าหน้าที่พยาบาลคงจะไม่ได้รับความไว้วางใจในการทำหน้าที่ของพวกเขา บุคคลเหล่านี้ต้องการการเข้าถึงอุปกรณ์และเครื่องมือเฉพาะพิเศษนี้ทันที  นักเรียนก็เช่นเดียวกัน  แม้กระนั้น เรามักได้ยินบ่อยๆว่า  “ฉันลืมหนังสือ”  “ฉันทำแฟ้มหาย” “ฉันไม่ได้พิมพ์การบ้านออกมา”  “ฉันขอยืมปากกาได้ไหม”

นักเรียนซึ่งบกพร่องทางการเรียนรู้และมีจุด อ่อนในการบริหารตนเองจะรู้สึกคับข้องใจที่จะต้องรักษาเครื่องมือที่พวกเขา ต้องใช้ในการเรียนให้เป็นที่เป็นทาง  โน้ตบุ้ค  เอกสารที่ครูแจก  การบ้าน  แม้แต่ดินสอและปากกาดูเหมือนจะหายไปอย่างน่าฉงน  ทำไมมันจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่นักเรียนควรเรียนรู้ที่จะจัดการกับอุปกรณ์ของ ตนเอง  ประการแรก  การเข้าถึงอุปกรณ์ที่ต้องการอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้มีเวลามากขึ้นในการ ทำงานเพื่อการเรียนรู้  ประการที่สอง  ทักษะการจัดระบบที่ดีจะช่วยเหลือความรู้สึกของนักเรียนว่าเขาสามารถควบคุม การเรียนรู้ได้

ระบบการจัดแฟ้มเอกสารหลักเป็นกลยุทธ์ที่มี ประสิทธิภาพอย่างหนึ่งที่จะช่วยนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ให้จัดการ กับอุปกรณ์ของตนเอง  แม้ว่างานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของทักษะการจัดการอุปกรณ์การเรียนจะมี น้อย  แต่งานที่ทำชี้ว่า  ทักษะเหล่านี้จำเป็นสำหรับความสำเร็จทางอาชีพและวิชาการ

ความสำเร็จ ของการจัดระบบขึ้นอยู่กับการใช้ประโยชน์ของนักเรียนที่เกี่ยวพันกับการ ท้าทายในการเรียนรู้อย่างเฉพาะ  ประเด็นของการรักษาอุปกรณ์ให้อยู่ในระบบคือ เป็นการช่วยนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ให้รักษาเอกสารงานในชั้นเรียน และการบ้านไว้ในที่หนึ่งซึ่งเข้าถึงได้ง่ายและถูกที่ถูกทาง  ดังนั้น เป็นการทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น  ถ้าสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ได้เร็ว  นักเรียนจะสามารถเรียนรู้วิธีที่จะจัดการเวลาและรับเอาข้อมูลได้มี ประสิทธิภาพมากขึ้น  กิจกรรมในห้องเรียนควรจะสนับสนุนการเชื่อมโยงกันเหล่านี้  ตัวอย่างเช่น  คุณครูอาจจะให้นักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ หรือทั้งชั้นเรียนใช้อุปกรณ์ของเขาในระหว่างการแข่งขันถามตอบ  นักเรียนซึ่งมีระบบในการจัดระเบียบจะทำได้ดี

เมื่อระบบที่ใช้ได้ดี กับนักเรียนส่วนใหญ่ถูกดำเนินการจนบรรลุผลสำเร็จอย่างสม่ำเสมอแล้ว  นักการศึกษาสามารถเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละคน  เพราะว่าระบบเดียวไม่อาจใช้ได้กับนักเรียนทุกคน  คุณครูจำเป็นต้องช่วยนักเรียนสร้างระบบที่ใช้ได้สำหรับเขาและช่วยให้เขาใช้ มันอย่างสม่ำเสมอ

การเริ่มต้น: เรื่องของอุปกรณ์

ขั้น ตอนแรกคือ  การรวบรวมอุปกรณ์ที่จำเป็น  ระบบการจัดแฟ้มเอกสารหลักต้องใช้ที่เย็บเล่มของนักเรียน (binder) แฟ้มใส่เอกสาร (folder) รวมทั้งแฟ้มเก็บเอกสาร (file) หลักของนักเรียน

  • แฟ้มเอกสารเย็บเล่มหลักของนักเรียน (binder) ก็คือ แฟ้มสามห่วง ขนาดเต็มรูปที่แข็งแรง  จะดีมากขึ้นทีเดียวถ้ามีซิปรอบขอบ  มันมีตัวแบ่งเป็นแต่ละรายวิชา  มีหน้าพลาสติกห่อหุ้ม  มีกระดาษใบหลวมที่แยกออกได้
  • ทางเลือกอีกอย่างหนึ่งคือ แฟ้มใส่เอกสาร สำหรับแต่ละรายวิชา  นักเรียนควรมี แฟ้มรายงานพลาสติกที่มีลิ้นอยู่ด้วย มีที่หุ้มกระดาษ และกระดาษที่ถอดใส่ได้ โดยที่แฟ้มใส่เอกสารของแต่ละรายวิชาควรมีสีที่แตกต่างกัน  การฝึกฝนเรื่องการใช้สีกับแต่ละรายวิชาจะช่วยเหลือผู้เรียนในการมองเห็นได้ มาก  การสอนนักเรียนในกระบวนการจัดระบบนี้จะเห็นว่า  งานที่ดีคือการที่เด็กเลือกซื้อหรือทำสีปกหนังสือได้เหมาะสมกับสีแฟ้ม  ซึ่งนักเรียนควรจะเก็บแฟ้มนี้ไว้ในโต๊ะหรือในกระเป๋านักเรียน
  • แฟ้มเก็บเอกสารของนักเรียนที่แข็งแรง  ซึ่งอาจเป็นแฟ้มแถวหรือแฟ้มแขวน ที่มีตู้เก็บแฟ้ม ที่เพียงพอต่อการเก็บการบ้านทั้งปีและแฟ้มควรจะหนาอย่างน้อยที่สุด 12 นิ้ว  แฟ้มนี้อาจเก็บไว้ที่บ้านหรือในชั้นเรียน

ขั้นตอนต่อไปคือ การสร้างระบบการเก็บเอกสารหลัก

คุณ ครูควรเริ่มต้นโดยการอธิบายระบบการจัดเก็บเอกสารในแฟ้มเอกสารหลักให้นัก เรียนฟังก่อน  โดยการแสดงระบบตัวอย่าง  คุณครูเน้นย้ำว่า  นักเรียนจะต้องนำแฟ้มเย็บเอกสารหลัก (binder) หรือแฟ้มใส่เอกสารหลัก (folder) ไป-กลับบ้านทุกวัน  แฟ้มทั้งสองประเภทนี้สำหรับใช้ใส่การบ้านหรืองานในชั้นเรียน  ตั้งแต่บันทึกเล็ก หรือข้อมูลที่ใช้อ้างอิงในชั้นเรียนไปจนถึงการจัดเก็บการบ้านที่สมบูรณ์ เรียกว่า มันพร้อมเสมอที่จะหยิบใช้

เมื่อนักเรียนมีเอกสารในมือแล้ว เขาจะต้องทำฉลากแบ่งแฟ้มเอกสารสำหรับแต่ละรายวิชา  เขาจะใส่กระดาษจดบันทึกในแฟ้มเอกสารที่แบ่งไว้  พร้อมกับใส่เอกสารอ้างอิงที่สำคัญไว้ในซองพลาสติกในแฟ้มนั้น  ซึ่งอาจจะเป็น ตารางการเรียน  สูตรคูณ  คำที่อ่านผิดบ่อย  รายชื่อที่อยู่เพื่อนที่ทำการบ้านด้วย

ในชั้นเรียนคุณครูควรเตือนนัก เรียนให้จดบันทึกลงบนกระดาษที่เหมาะสมกับแฟ้มเอกสาร  คุณครูควรจะเตือนให้นักเรียนจดวันที่และวิชาที่เรียนด้วยเพื่อจะได้ง่ายต่อ การจัดเก็บเอกสารที่ถูกหมวดวิชา  นักเรียนจัดเก็บเอกสารที่ครูแจก   แบบทดสอบที่คุณครูคืนกลับมา  และเอกสารประเภทเดียวกันเข้าแฟ้มเก็บเอกสารตามรายวิชา

เมื่อถึงกำหนด ของโครงงานหรือการทดสอบย่อยๆ  คุณครูสามารถแนะนำให้นักเรียนเริ่มใช้เอกสารที่มีแบ่งจัดเก็บเข้าแฟ้มเอกสาร หลักเพื่อใช้เป็นแนวทางการเรียน เช่น การรวบรวมความคิดที่สำคัญๆ  การแจกแจงบัญชีคำศัพท์  การแตกประเด็นคำถามที่สงสัย เป็นต้น  เมื่อถึงวันทดสอบหรือวันถึงกำหนดส่งโครงงาน  นักเรียนควรจะมีแนวทางการเรียนที่สมบูรณ์สำหรับการจัดแฟ้มเอกสารหลักที่ เหมาะสมของนักเรียน  เมื่อคุณครูส่งคืนโครงงานหรือแบบทดสอบย่อยๆ กลับมา  นักเรียนควรจะนำมันแนบกับแนวทางการเรียนในแฟ้มนั้นๆ  กระบวนการนี้จะช่วยให้นักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ได้มีเอกสารอ้างอิง ที่ครอบคลุมสำหรับทบทวนในช่วงกลางภาคและปลายภาค  รวบรวมไว้ในแฟ้มเอกสารหลักอย่างเหมาะสมกับความต้องการใช้   นอกจากนี้ยังควรเอาเอกสารออกจากแฟ้มของนักเรียนเป็นระยะๆ ด้วย เพื่อให้แฟ้มพร้อมสำหรับใส่เอกสารหน่วยการเรียนใหม่ต่อไป

ปฏิบัติเป็นกิจวัตร

เหมือน กับการกระทำเป็นกิจวัตรทั่วๆไป  การปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอรวมทั้งการฝึกฝนที่ได้รับการแนะนำมาจะเป็นกุญแจสู่ ความสำเร็จ  นักเรียนจำเป็นต้องพัฒนาให้เป็นนิสัยประจำตัวที่ดีในการนำเอกสารที่ได้รับ แจกเข้าแฟ้มทันทีที่ได้รับ  การสอนกิจวัตรให้นักเรียนจัดการกับเอกสารของพวกเขาเป็นการช่วยเสริมพลังให้ พวกเขาพัฒนาทักษะในการจัดระบบที่สำคัญและนำไปสู่ความสำเร็จทางการศึกษา

กุญแจ สำคัญสำหรับนักเรียนคือ พวกเขาต้องคอยสะสางเอกสารออกจากแฟ้มเอกสารอย่างสม่ำเสมอ  ให้คิดว่า  การสะสางคือส่วนหนึ่งของการตระเตรียมโครงงานหรือการทดสอบหน่วยการเรียน ย่อยๆ  ถ้าคุณครูมอบหมายโครงงานซึ่งต้องการให้นักเรียนใช้ข้อมูลทั้งหมดในหน่วยการ เรียนนั้นๆ  นักเรียน ก็จะเริ่มเห็นการจัดระบบนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างไร

ขณะที่นักเรียนบางคนปฏิบัติการจัดระบบจนเป็นกิจวัตรเคยชิน  นักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้จะต้องการคำแนะนำที่แน่ชัดลงไปว่า จะเริ่มต้นปฏิบัติเป็นระบบได้อย่างไร รวมทั้งต้องการการฝึกฝนปฏิบัติตามคำแนะนำ  ควรสนับสนุนให้นักเรียนใช้ระบบนี้และยอมรับผลของความสำเร็จ  ความรู้สึกของนักเรียนในการปฏิบัติควบคุมตนเองอย่างเป็นระบบได้ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เขาว่า พวกเขาสามารถประสบความสำเร็จในการเรียน

การ จัดการกับเอกสารถือเป็นหนึ่งในสามกุญแจสำคัญของทักษะการเรียนรู้ที่จะช่วย ความสามารถของนักเรียนในการจัดระบบ  จดจำ และนำความรู้ไปใช้  กุญแจที่สำคัญอย่างอื่นคือ การจัดการเวลา และการจัดการข้อมูล  การจะทำให้ได้ดีในการเรียนนั้น  นักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ต้องพัฒนากลยุทธ์ที่จะช่วยให้พวกเขากลาย เป็นผู้จัดการที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในแต่ละวิชาของตน
แต่โชคร้าย ที่นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้พัฒนากลยุทธ์เหล่านี้ด้วยตนเองได้  พวกเขาต้องการนักการศึกษาซึ่งเต็มใจและมีความสามารถที่จะให้คำแนะนำที่ชัด แจ้ง  ฝึกฝนตามคำแนะนำให้  รวมทั้งโอกาสที่มีมา บวกแรงจูงใจที่พวกเขาจะคำนึงถึงกลยุทธ์ที่พวกเขาได้เรียนรู้

แปลและเรียบเรียงจาก Organizational Skills for Students with Learning Disabilities: The Master Filing System for Paper. Adapted from Study Skills: Research-Based Teaching Strategies. Prides Crossing, MA: Landmark School, 21-22 by Newhall, P. W. (2008)
http://www.ldonline.org โดย พรรษชล ศรีอิสราพร

ภาพประกอบบทความหน้าต่าง LD

แบบประเมินคุณภาพสื่อ สสพ.

คุณพอใจกับคุณภาพสื่อข้างต้นมากน้อยเพียงใด
  • พอใจมาก0
  • พอใจ0
  • ปานกลาง0
  • ไม่พอใจ0
  • ไม่พอใจมาก0
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก