ทักษะการจัดระบบสำหรับนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้: ระบบในการจัดแฟ้มเอกสาร
ลองคิดดูซิ นักดนตรีมาถึงที่บ้านของผู้จ้างแล้วถามว่า เขาจะขอยืมเครื่องมือเล่นดนตรีได้บ้างไหม นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลวิ่งไปที่สนามสำหรับการเล่นเกมอันสำคัญโดยไม่ใส่หมวก และที่ใส่หน้าอกกันกระแทก เจ้าหน้าที่พยาบาลรีบตรงมาตามการโทรเรียกของ 191 แต่ลืมเครื่องปฐมพยาบาลไว้ที่สถานีดับเพลิง ยอมรับไม่ได้ใช่ไหม แน่นอน นักดนตรีคงต้องเลิกเป็นนักดนตรีไปเลย นักฟุตบอลคงจะถูกให้ถอนตัวจากการแข่งขัน เจ้าหน้าที่พยาบาลคงจะไม่ได้รับความไว้วางใจในการทำหน้าที่ของพวกเขา บุคคลเหล่านี้ต้องการการเข้าถึงอุปกรณ์และเครื่องมือเฉพาะพิเศษนี้ทันที นักเรียนก็เช่นเดียวกัน แม้กระนั้น เรามักได้ยินบ่อยๆว่า “ฉันลืมหนังสือ” “ฉันทำแฟ้มหาย” “ฉันไม่ได้พิมพ์การบ้านออกมา” “ฉันขอยืมปากกาได้ไหม”
นักเรียนซึ่งบกพร่องทางการเรียนรู้และมีจุด อ่อนในการบริหารตนเองจะรู้สึกคับข้องใจที่จะต้องรักษาเครื่องมือที่พวกเขา ต้องใช้ในการเรียนให้เป็นที่เป็นทาง โน้ตบุ้ค เอกสารที่ครูแจก การบ้าน แม้แต่ดินสอและปากกาดูเหมือนจะหายไปอย่างน่าฉงน ทำไมมันจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่นักเรียนควรเรียนรู้ที่จะจัดการกับอุปกรณ์ของ ตนเอง ประการแรก การเข้าถึงอุปกรณ์ที่ต้องการอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้มีเวลามากขึ้นในการ ทำงานเพื่อการเรียนรู้ ประการที่สอง ทักษะการจัดระบบที่ดีจะช่วยเหลือความรู้สึกของนักเรียนว่าเขาสามารถควบคุม การเรียนรู้ได้
ระบบการจัดแฟ้มเอกสารหลักเป็นกลยุทธ์ที่มี ประสิทธิภาพอย่างหนึ่งที่จะช่วยนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ให้จัดการ กับอุปกรณ์ของตนเอง แม้ว่างานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของทักษะการจัดการอุปกรณ์การเรียนจะมี น้อย แต่งานที่ทำชี้ว่า ทักษะเหล่านี้จำเป็นสำหรับความสำเร็จทางอาชีพและวิชาการ
ความสำเร็จ ของการจัดระบบขึ้นอยู่กับการใช้ประโยชน์ของนักเรียนที่เกี่ยวพันกับการ ท้าทายในการเรียนรู้อย่างเฉพาะ ประเด็นของการรักษาอุปกรณ์ให้อยู่ในระบบคือ เป็นการช่วยนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ให้รักษาเอกสารงานในชั้นเรียน และการบ้านไว้ในที่หนึ่งซึ่งเข้าถึงได้ง่ายและถูกที่ถูกทาง ดังนั้น เป็นการทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น ถ้าสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ได้เร็ว นักเรียนจะสามารถเรียนรู้วิธีที่จะจัดการเวลาและรับเอาข้อมูลได้มี ประสิทธิภาพมากขึ้น กิจกรรมในห้องเรียนควรจะสนับสนุนการเชื่อมโยงกันเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น คุณครูอาจจะให้นักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ หรือทั้งชั้นเรียนใช้อุปกรณ์ของเขาในระหว่างการแข่งขันถามตอบ นักเรียนซึ่งมีระบบในการจัดระเบียบจะทำได้ดี
เมื่อระบบที่ใช้ได้ดี กับนักเรียนส่วนใหญ่ถูกดำเนินการจนบรรลุผลสำเร็จอย่างสม่ำเสมอแล้ว นักการศึกษาสามารถเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละคน เพราะว่าระบบเดียวไม่อาจใช้ได้กับนักเรียนทุกคน คุณครูจำเป็นต้องช่วยนักเรียนสร้างระบบที่ใช้ได้สำหรับเขาและช่วยให้เขาใช้ มันอย่างสม่ำเสมอ
การเริ่มต้น: เรื่องของอุปกรณ์
ขั้น ตอนแรกคือ การรวบรวมอุปกรณ์ที่จำเป็น ระบบการจัดแฟ้มเอกสารหลักต้องใช้ที่เย็บเล่มของนักเรียน (binder) แฟ้มใส่เอกสาร (folder) รวมทั้งแฟ้มเก็บเอกสาร (file) หลักของนักเรียน
- แฟ้มเอกสารเย็บเล่มหลักของนักเรียน (binder) ก็คือ แฟ้มสามห่วง ขนาดเต็มรูปที่แข็งแรง จะดีมากขึ้นทีเดียวถ้ามีซิปรอบขอบ มันมีตัวแบ่งเป็นแต่ละรายวิชา มีหน้าพลาสติกห่อหุ้ม มีกระดาษใบหลวมที่แยกออกได้
- ทางเลือกอีกอย่างหนึ่งคือ แฟ้มใส่เอกสาร สำหรับแต่ละรายวิชา นักเรียนควรมี แฟ้มรายงานพลาสติกที่มีลิ้นอยู่ด้วย มีที่หุ้มกระดาษ และกระดาษที่ถอดใส่ได้ โดยที่แฟ้มใส่เอกสารของแต่ละรายวิชาควรมีสีที่แตกต่างกัน การฝึกฝนเรื่องการใช้สีกับแต่ละรายวิชาจะช่วยเหลือผู้เรียนในการมองเห็นได้ มาก การสอนนักเรียนในกระบวนการจัดระบบนี้จะเห็นว่า งานที่ดีคือการที่เด็กเลือกซื้อหรือทำสีปกหนังสือได้เหมาะสมกับสีแฟ้ม ซึ่งนักเรียนควรจะเก็บแฟ้มนี้ไว้ในโต๊ะหรือในกระเป๋านักเรียน
- แฟ้มเก็บเอกสารของนักเรียนที่แข็งแรง ซึ่งอาจเป็นแฟ้มแถวหรือแฟ้มแขวน ที่มีตู้เก็บแฟ้ม ที่เพียงพอต่อการเก็บการบ้านทั้งปีและแฟ้มควรจะหนาอย่างน้อยที่สุด 12 นิ้ว แฟ้มนี้อาจเก็บไว้ที่บ้านหรือในชั้นเรียน
ขั้นตอนต่อไปคือ การสร้างระบบการเก็บเอกสารหลัก
คุณ ครูควรเริ่มต้นโดยการอธิบายระบบการจัดเก็บเอกสารในแฟ้มเอกสารหลักให้นัก เรียนฟังก่อน โดยการแสดงระบบตัวอย่าง คุณครูเน้นย้ำว่า นักเรียนจะต้องนำแฟ้มเย็บเอกสารหลัก (binder) หรือแฟ้มใส่เอกสารหลัก (folder) ไป-กลับบ้านทุกวัน แฟ้มทั้งสองประเภทนี้สำหรับใช้ใส่การบ้านหรืองานในชั้นเรียน ตั้งแต่บันทึกเล็ก หรือข้อมูลที่ใช้อ้างอิงในชั้นเรียนไปจนถึงการจัดเก็บการบ้านที่สมบูรณ์ เรียกว่า มันพร้อมเสมอที่จะหยิบใช้
เมื่อนักเรียนมีเอกสารในมือแล้ว เขาจะต้องทำฉลากแบ่งแฟ้มเอกสารสำหรับแต่ละรายวิชา เขาจะใส่กระดาษจดบันทึกในแฟ้มเอกสารที่แบ่งไว้ พร้อมกับใส่เอกสารอ้างอิงที่สำคัญไว้ในซองพลาสติกในแฟ้มนั้น ซึ่งอาจจะเป็น ตารางการเรียน สูตรคูณ คำที่อ่านผิดบ่อย รายชื่อที่อยู่เพื่อนที่ทำการบ้านด้วย
ในชั้นเรียนคุณครูควรเตือนนัก เรียนให้จดบันทึกลงบนกระดาษที่เหมาะสมกับแฟ้มเอกสาร คุณครูควรจะเตือนให้นักเรียนจดวันที่และวิชาที่เรียนด้วยเพื่อจะได้ง่ายต่อ การจัดเก็บเอกสารที่ถูกหมวดวิชา นักเรียนจัดเก็บเอกสารที่ครูแจก แบบทดสอบที่คุณครูคืนกลับมา และเอกสารประเภทเดียวกันเข้าแฟ้มเก็บเอกสารตามรายวิชา
เมื่อถึงกำหนด ของโครงงานหรือการทดสอบย่อยๆ คุณครูสามารถแนะนำให้นักเรียนเริ่มใช้เอกสารที่มีแบ่งจัดเก็บเข้าแฟ้มเอกสาร หลักเพื่อใช้เป็นแนวทางการเรียน เช่น การรวบรวมความคิดที่สำคัญๆ การแจกแจงบัญชีคำศัพท์ การแตกประเด็นคำถามที่สงสัย เป็นต้น เมื่อถึงวันทดสอบหรือวันถึงกำหนดส่งโครงงาน นักเรียนควรจะมีแนวทางการเรียนที่สมบูรณ์สำหรับการจัดแฟ้มเอกสารหลักที่ เหมาะสมของนักเรียน เมื่อคุณครูส่งคืนโครงงานหรือแบบทดสอบย่อยๆ กลับมา นักเรียนควรจะนำมันแนบกับแนวทางการเรียนในแฟ้มนั้นๆ กระบวนการนี้จะช่วยให้นักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ได้มีเอกสารอ้างอิง ที่ครอบคลุมสำหรับทบทวนในช่วงกลางภาคและปลายภาค รวบรวมไว้ในแฟ้มเอกสารหลักอย่างเหมาะสมกับความต้องการใช้ นอกจากนี้ยังควรเอาเอกสารออกจากแฟ้มของนักเรียนเป็นระยะๆ ด้วย เพื่อให้แฟ้มพร้อมสำหรับใส่เอกสารหน่วยการเรียนใหม่ต่อไป
ปฏิบัติเป็นกิจวัตร
เหมือน กับการกระทำเป็นกิจวัตรทั่วๆไป การปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอรวมทั้งการฝึกฝนที่ได้รับการแนะนำมาจะเป็นกุญแจสู่ ความสำเร็จ นักเรียนจำเป็นต้องพัฒนาให้เป็นนิสัยประจำตัวที่ดีในการนำเอกสารที่ได้รับ แจกเข้าแฟ้มทันทีที่ได้รับ การสอนกิจวัตรให้นักเรียนจัดการกับเอกสารของพวกเขาเป็นการช่วยเสริมพลังให้ พวกเขาพัฒนาทักษะในการจัดระบบที่สำคัญและนำไปสู่ความสำเร็จทางการศึกษา
กุญแจ สำคัญสำหรับนักเรียนคือ พวกเขาต้องคอยสะสางเอกสารออกจากแฟ้มเอกสารอย่างสม่ำเสมอ ให้คิดว่า การสะสางคือส่วนหนึ่งของการตระเตรียมโครงงานหรือการทดสอบหน่วยการเรียน ย่อยๆ ถ้าคุณครูมอบหมายโครงงานซึ่งต้องการให้นักเรียนใช้ข้อมูลทั้งหมดในหน่วยการ เรียนนั้นๆ นักเรียน ก็จะเริ่มเห็นการจัดระบบนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างไร
ขณะที่นักเรียนบางคนปฏิบัติการจัดระบบจนเป็นกิจวัตรเคยชิน นักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้จะต้องการคำแนะนำที่แน่ชัดลงไปว่า จะเริ่มต้นปฏิบัติเป็นระบบได้อย่างไร รวมทั้งต้องการการฝึกฝนปฏิบัติตามคำแนะนำ ควรสนับสนุนให้นักเรียนใช้ระบบนี้และยอมรับผลของความสำเร็จ ความรู้สึกของนักเรียนในการปฏิบัติควบคุมตนเองอย่างเป็นระบบได้ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เขาว่า พวกเขาสามารถประสบความสำเร็จในการเรียน
การ จัดการกับเอกสารถือเป็นหนึ่งในสามกุญแจสำคัญของทักษะการเรียนรู้ที่จะช่วย ความสามารถของนักเรียนในการจัดระบบ จดจำ และนำความรู้ไปใช้ กุญแจที่สำคัญอย่างอื่นคือ การจัดการเวลา และการจัดการข้อมูล การจะทำให้ได้ดีในการเรียนนั้น นักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ต้องพัฒนากลยุทธ์ที่จะช่วยให้พวกเขากลาย เป็นผู้จัดการที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในแต่ละวิชาของตน
แต่โชคร้าย ที่นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้พัฒนากลยุทธ์เหล่านี้ด้วยตนเองได้ พวกเขาต้องการนักการศึกษาซึ่งเต็มใจและมีความสามารถที่จะให้คำแนะนำที่ชัด แจ้ง ฝึกฝนตามคำแนะนำให้ รวมทั้งโอกาสที่มีมา บวกแรงจูงใจที่พวกเขาจะคำนึงถึงกลยุทธ์ที่พวกเขาได้เรียนรู้
http://www.ldonline.org โดย พรรษชล ศรีอิสราพร