ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

รองผู้ว่าฯ กทม. ติดตามโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำคลองเสือน้อย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในเขต กทม.ให้มากยิ่งขึ้น

วันที่ลงข่าว: 10/09/18

          รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำคลองเสือน้อย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในเขต กทม.ให้มากยิ่งขึ้น

          นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำคลองเสือน้อย บริเวณถนนประดิษฐ์มนูธรรม เขตลาดพร้าว ในวันนี้ขณะนี้มีความคืบหน้าร้อยละ 89.41 คาดว่า จะแล้วเสร็จภายในกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะเร่งให้บริษัทก่อสร้างติดตั้งเครื่องสูบน้ำให้เร็วที่สุดภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า ส่วนการเดินระบบอาจใช้การเดินระบบแบบชั่วคราวโดยใช้เครื่องปั่นไฟฟ้าไปก่อน ในส่วนของแนวก่อสร้างมีการดำเนินงานยาวประมาณ 7,050 เมตร ประกอบด้วย การก่อสร้างสถานีสูบน้ำ กำลังสูบ 15 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งอยู่ระหว่างติดตั้งงานระบบเครื่องกลและงานระบบไฟฟ้า ส่วนการสร้างเขื่อนดาดท้องคลอง การสร้างราวกันตก และการสร้างทางเดิน ขณะนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าหากดำเนินการให้แล้วเสร็จทั้งหมดจะทำให้การระบายน้ำจากคลองเสือน้อยลงสู่คลองลาดพร้าวได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งสามารถป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่ใกล้เคียงได้

          ส่วนการลงพื้นที่ติดตามขุดลอกคลองหลุมไผ่ - โคกคราม บริเวณซอยลาดปลาเค้า 65 และในหมู่บ้านอารียานั้น ที่ขณะนี้มีเศษไม้นั่งร้านกีดขวางทางน้ำระยะทางประมาณ 410 เมตร ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำลงสู่คลองลาดพร้าวได้ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากบริษัททิ้งงาน ทาง กทม. จึงมีการยกเลิกสัญญาจ้าง รวม 6 บริษัท และจะทำการเรียกร้องค่าเสียหายกับบริษัทที่ไม่สามารถทำงานได้ และขณะนี้ทางสำนักการระบายน้ำจึงต้องเร่งแก้ปัญหาเพื่อเปิดทางให้สามารถระบายน้ำให้ได้เร็วที่สุด ส่วนการลงพื้นที่ติดตามโครงการปรับปรุงผิวจราจรและคันหินทางเท้า บริเวณถนนลาดพร้าววังหิน ช่วงโชคชัย 4 ไปจนถึงคลองเสือน้อยในวันเดียวกันนี้ นายจักกพันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จะมีการรื้อพื้นทางเท้าเดิมและปรับปรุงทางเท้าใหม่ รื้นคันหินเดิมและสร้างใหม่ และปรับปรุงผิวจราจร เนื่องจากมีการชำรุดมาก รวมพื้นที่ประมาณ 2.7 กิโลเมตร ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าและช้ากว่าแผนร้อยละ 7.67 เนื่องจากต้องรื้อย้ายสาธารณูปโภคที่กีดขวาง หากดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนภายในเดือนมกราคมปีหน้า ประชาชนทั่วไป และผู้พิการจะสามารถใช้ทางได้สะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก