แผนการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) กับแนวทางทางกฎหมายและการปฏิบัติสำหรับคุณพ่อคุณแม่ ตอนที่ 5
กฎหมายและกฎข้อบังคับต่างๆ
การตัดสินทางกฎหมาย
เพื่อ ช่วยให้การศึกษาของคุณเกี่ยวกับ IEP ว่า ควรจะมีอะไรรวมอยู่ใน IEP บ้าง เรารวบรวมจากกรณีที่เป็นจริง แต่ละกรณีที่เลือกจะแสดงให้เห็นถึงจุดเฉพาะเกี่ยวกับ IEP หลังจากคุณอ่านบทนี้แล้ว คุณจะมีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับกฎหมายและ IEP (ในสหรัฐอเมริกา)
กรณีของเบอร์ลิงตันกับกรมการศึกษาสำหรับมลรัฐแมสซาชูเสทส์
ใน ปี 1985 ศาลฏีกาได้ออกกฎกรณีของการศึกษาพิเศษซึ่งเกิดขึ้นในแมสซาชูเสทส์ เบอร์ลิงตันเป็นกรณีการศึกษาพิเศษที่สำคัญเป็นกรณีที่สองซึ่งมีการตัดสินใน ศาลฏีกา ในกรณีของเบอร์ลิงตัน การพิจารณาของศาลฏีกาได้ประกาศเรื่อง IEP และสิ่งที่ IEP ควรจะมีดังนี้
การศึกษาที่รัฐมอบให้อย่างเหมาะสมและไม่ เสียค่าใช้จ่าย (Free appropriate public education หรือ FAPE) ตามพระราชบัญญัติการศึกษาสำหรับคนพิการ (IDEA) (ของสหรัฐอเมริกา) ถูกออกแบบสำหรับความต้องการเฉพาะของเด็กคนนั้นนั้นผ่านโปรแกรมการศึกษาส่วน บุคคลหรือ IEP ซึ่ง เป็น “การบรรยายที่ครอบคลุมถึงความต้องการทางการศึกษาของเด็กพิการและเป็นการสอน ที่ออกแบบให้เป็นพิเศษรวมถึงบริการที่เกี่ยวข้องที่จะนำมาให้เพื่อสนองความ ต้องการเหล่านั้น”
กรณีทางกฎหมายสนับสนุนสถานภาพของเราว่า IEP ที่เหมาะสมเป็นเรื่องจำเป็นมาก แต่อะไรคือ “ความเหมาะสม” “ผลประโยชน์” มากเท่าไรจึงเพียงพอ ลองดูกรณีทางกฎหมายต่อไปอีก
IEP “เหมาะสม” หรือไม่
ปี 1985 ผู้พิพากษาแห่งศาลรัฐบาลกลางในนิวยอร์คพบว่า IEP เหมาะสมเพราะว่า
........ เป้าหมายต่างๆที่ทำเฉพาะสำหรับระดับทางการศึกษาของเกลนจำเป็นต้องยกขึ้นมา กล่าวถึงและทำบัญชีไว้ครอบคลุมเกี่ยวกับการอ่าน ทักษะทางภาษาและคณิตศาสตร์
คุณพ่อคุณแม่จดบันทึกไว้ว่า ในกรณีนี้ การทดสอบสภาวะที่เป็นจริง (objective tests)(ไม่ใช่จากการสังเกตเป็นการเฉพาะตัวเท่านั้น-subjective observation) คือความเปลี่ยนแปลงต่างๆในคะแนนเทียบเท่าระดับชั้นของเด็ก ผู้พิพากษาในกรณีของเจมส์ ฮอลล์ก็ใช้คะแนนเทียบเท่าระดับชั้นเป็นตัววัด
IEP ที่ทำไว้ “เพียงพอ” หรือยัง
ใน ปี 1988 ศาลฏีกาของมลรัฐไอดาโฮพบว่า ระบบของโรงเรียนบอยส์ไม่ได้ให้การศึกษาที่เหมาะสมและฟรี (FAPE) เพราะว่าพวกเขาไม่ได้พัฒนา IEP “เพียงพอ” IEP ไม่ “เพียงพอ” เพราะว่ามันไม่ได้เฉพาะเจาะจงในเรื่องมาตรการในการปฏิบัติและกระบวนการ ประเมินซึ่งจะถูกใช้ตัดสินว่า บรรลุจุดประสงค์ใน IEP หรือไม่ ศาลไอดาโฮบันทึกว่า
เหนือสิ่งอื่นใด รัฐสภายอมรับว่า เด็กๆ ที่พิการมีความเฉพาะตัวและการตัดสินใจในเรื่องสถานะต้องกระทำอยู่บนพื้นฐาน ของแต่ละบุคคล โดยทีมที่มีความเข้มงวดมาก ตามแต่มาตรฐานที่หลากหลาย “.....ความสำคัญของ IEP จะต้องถูกบรรยายอย่างตีแผ่ความจริงให้ได้ทั้งหมด มันเป็นเอกสารการตัดสินใจ” (กรณีของธอร์นอคกับเขตการศึกษาอิสระบอยส์)
ศาล พบว่า IEP สองฉบับที่นำเสนอโดยเขตการศึกษาไม่เพียงพอเพราะว่า พวกเขาไม่ได้รวม “.....เป้าหมาย วัตถุประสงค์ และมาตรการตามสภาวะเป็นจริงที่เหมาะสม กระบวนการประเมินผลและกำหนดการสำหรับการตัดสิน อย่างน้อยที่สุดอยู่บนพื้นฐานรายปีเป็นหลัก แม้ว่า ‘วัตถุประสงค์ทางการสอนจะบรรลุตามที่ต้องการก็ตาม’…….เนื่องจากข้อบกพร่องใน IEP ของกาเบรียล ความล้มเหลวของเขตการศึกษาที่จะยอมรับความบกพร่องใน IEP ที่นำมาใช้.....เรายืนยันตามการตัดสินใจของศาลชั้นต้น......ปราศจาก IEP ที่ถูกต้อง จึงไม่ถือว่าเป็นการศึกษาที่เหมาะสมและไม่เสียค่าใช้จ่าย (FAPE)…..และดังนั้น จึงชี้ได้ว่า การชดใช้คืน (ค่าการเรียนในโรงเรียนเอกชน) จึงเหมาะสม
การสังเกตของครูเป็นการส่วนตัว
ใน ปี 1985 ผู้พิพากษาซาโรคินประจำศาลชั้นต้นมลรัฐนิวเจอร์ซี่ได้ทบทวนการตัดสินของผู้ พิพากษากฎหมายปกครองสองท่านในกรณีที่เกี่ยวข้องกับเด็กที่บกพร่องทางการได้ ยิน เขาพบว่า การประเมินเด็กหญิงอลิสา ของเขตการศึกษาที่ว่ารู้สึก “บกพร่องอย่างน่ารันทดใจ” เพราะว่าพวกเขาไว้วางใจที่ “การสังเกตของครู” เป็นการเฉพาะตัว ไม่ใช่ข้อมูลการทดสอบสภาวะที่เป็นจริง (objective tests) หรือ “ทางวิทยาศาสตร์”
พวกเขาเกือบจะขึ้นอยู่กับการสังเกตของคนๆ เดียว....การประเมินผลประกอบไปด้วยงานย่อยๆและกระบวนการต่างๆ เบื้องต้นที่ไม่มีมาตรฐาน.......ไม่มีผลการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ที่จะนำมา พิจารณา.....ดังนั้น หนึ่งกระบวนการ คือการประเมินของครู ถูกนำมาใช้ กระบวนการเช่นนั้นขาดความถูกต้องทางวิทยาศาสตร์ และยังไม่เป็นระบบ ถูกจำกัดโดยพิสัยแคบๆ ของความประพฤติ และไม่ได้รับการยืนยันโดยข้อมูลการทดสอบที่เป็นปัจจุบัน ดังนั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นการประเมินผลที่เลือกปฏิบัติแบ่งแยก เช่น การประเมินผลเป็นอคติ ในกรณีนี้เป็นปฏิปักษ์ต่อเด็กหูหนวก.....ศาลพบว่า วิธีการประเมินเช่นนี้ไม่สนองความต้องการของกฎหมายการศึกษาสำหรับเด็กพิการ (Education for all handicapped children-EAHCA) และกฎระเบียบของมัน (กรณีของ โบนาดอนนากับคูเปอร์แมน)
ความก้าวหน้าทางการศึกษาควรจะวัดอย่างไร
ใน งานของเรากับพ่อแม่และเด็กๆ เราได้เห็น IEP จำนวนนับร้อยๆ ซึ่งระบุ “ความก้าวหน้า” โดยการสังเกตของครูเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่การทดสอบสภาวะที่เป็นจริงในทักษะของเด็ก เหมือนอย่างที่คุณเห็นในกรณีของเจย์ ปัญหาร้ายแรงที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เมื่อมีการการตัดสินใจทางการศึกษาที่อยู่บนพื้นฐานของการสังเกตที่เป็นการ เฉพาะตัว ปัญหาเหล่านี้มีผลตามมาที่ร้ายแรงสำหรับเด็ก
ในปี 1989 ศาลสูงมลรัฐนิวเจอร์ซี่ได้ชดเชยค่าการเรียนให้กับพ่อแม่ของเด็กคนหนึ่งที่ บกพร่องทางการอ่าน (ดิสเลคเซีย) นี่เป็นสิ่งที่ศาลได้กล่าวถึงไว้เกี่ยวกับ IEP ของโรงเรียนรัฐบาลแห่งนั้น
เหมือนอย่างที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ ว่า จุดประสงค์ของ IEP คือ เป็นแนวทางให้ครูและเพื่อประกันว่า เด็กคนนั้นได้รับการศึกษาที่จำเป็นสำหรับเขา
ปราศจาก IEP ที่ร่างไว้อย่างเหมาะสม มันจะกลายเป็นเรื่องยาก เป็นไปได้หรือไม่ที่จะวัดความก้าวหน้าของเด็ก การวัดซึ่งจำเป็นสำหรับการตัดสินการเปลี่ยนแปลงที่จะกระทำใน IEP ฉบับต่อไป ยิ่งกว่านั้น IEP ซึ่งไม่สามารถทบทวนได้เท่ากับปฏิเสธโอกาสของพ่อแม่ที่จะช่วยจัดการศึกษาให้ เหมาะกับลูกของตนและลดความมั่นใจของผู้ปกครองว่าลูกของเขาจะได้รับการศึกษา ที่พวกเขาได้รับสิทธิ
ดังนั้น ข้อบกพร่องซึ่งเสนอโปรแกรมการศึกษาของจอห์นที่ไม่สามารถจะทบทวนได้จึงถูก พิจารณาว่า ไม่เหมาะสม.... (เจ้าหน้าที่คัดแยกยกคำพูดมาว่า ไม่ชัดเจนโดยตลอดว่า ‘จุดประสงค์ใดและความก้าวหน้าใดจำเป็นจะต้องมีการวัดและตัดสินอย่างไร’ เจ้าหน้าที่คนนั้นอ้างต่อไปว่า “พบว่า ข้อสังเกตของครูทั้งหมดอยู่พื้นฐานของการสังเกตเฉพาะตัว.......เป้าหมายและ วัตถุประสงค์ของ IEP สำหรับ ปี 1980-1981 และแผนที่เสนอสำหรับปี 1981-1982 ล้วนแล้วแต่คลุมเครือจนกระทั่งดูไร้ความหมาย”
ในปี 1990 ศาลรัฐบาลกลางในมลรัฐอลาบามาโต้แย้ง IEP ของโรงเรียนรัฐบาลอีกแห่งหนึ่ง ทำไมน่ะหรือ ผู้พิพากษาเขียนว่า
เหมือน IEP ฉบับก่อนของคอรี่ แผนการศึกษาฉบับใหม่รวมเพียงแค่จุดประสงค์ทั่วๆไป อย่างกว้างๆและวิธีการที่คลุมเครือสำหรับการตรวจสอบผลความก้าวหน้าของคอรี่
ตัวอย่าง เช่น จุดประสงค์ที่หนึ่งใน IEP ฉบับใหม่ ที่ทำไว้ในรูปแบบมาตรฐานว่า “นักเรียนจะยังคงรักษาคะแนนคณิตศาสตร์โดยเฉลี่ย.......80....เปอร์เซ็นต์ใน ระดับชั้นเรียนปีที่ 3 ”
และเขียนต่อไปว่า คอรี่จะถูกประเมินโดยวิธีอ้างอิงกับ “งานประจำวัน” และ “การทดสอบในแต่ละบทเรียน”
สอง สามเดือนต่อมา ศาลชั้นต้นของมลรัฐเนบราสกาได้สนับสนุน IEP ของโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งว่า ได้บรรจุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่เหมาะสม
กรณี ของมลรัฐเนบราสกานี้ที่ได้วิเคราะห์เป้าหมายและวัตถุประสงค์ ศาลบันทึกว่า IEP รวบรวมข้อมูลการทดสอบที่เป็นการเฉพาะเจาะจงมาก รวมทั้งการจัดลำดับเปอร์เซ็นต์และคะแนนเทียบเท่าระดับชั้นที่จะอธิบายระดับ การแสดงผลการเรียนในปัจจุบันของเด็ก
ในปี 1993 คณะผู้พิพากษาสามท่านในมลรัฐเพนซิลวาเนีย ได้ทบทวน IEP ของเด็กและพบว่า
IEP ไม่ได้บรรลุความต้องการที่แท้จริง เพราะแม้ว่ามันจะให้ผลประโยชน์ทางการศึกษาบางอย่างสำหรับโฮป.....แต่ก็ไม่มี ลักษณะเฉพาะบุคคลที่จะบรรลุความต้องการทางอารมณ์และสังคมของเด็กอย่างโฮป
คณะ ศาลอุทธรณ์ทำบัญชีองค์ประกอบซึ่ง IEP ของโฮปขาดไป รวมทั้งระดับปัจจุบันของการปฏิบัติตน พฤติกรรมส่วนบุคคล แผนการแก้ไขปรับปรุง มาตรการของวัตถุประสงค์ กระบวนการประเมินผลหรือกำหนดเวลาที่จะตัดสินว่าเมื่อไรที่เป้าหมายจะบรรลุ เป้าหมายรายปีที่เขียนขึ้นสำหรับโฮปค่อนข้างจะเป็นแผนทั่วไปสำหรับนักเรียน ทุกคนในชั้นเรียน นอกจากนี้ยังขาดบริการที่เกี่ยวข้องที่จะสนองความต้องการทางอารมณ์และสังคม ของโฮปอีกด้วย
IEP ถูกเขียนขึ้นในลักษณะแบบอย่างทั่วๆไปสำหรับนักเรียนที่เข้าชั้นเรียนเด็กแอลดีและไม่ได้บ่งบอกความบกพร่องส่วนบุคคลของโฮป
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
โดย พรรษชล ศรีอิสราพร