ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

คุณจะทำอย่างไร ถ้าสงสัยว่าลูกของคุณมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ตอนที่ 2 (16/03/2011)

โดย แลร์รี่ บี ซิลเวอร์ M.D. และ รูธ บี สโพแดค Ph.D.(2007)

ผลการทดสอบจะบอกอะไรคุณได้บ้าง
ประการแรก  การประเมินสุขภาพจิตศึกษา(Psycho-Educational Evaluation) จะอธิบายถึงศักยภาพทางสติปัญญาโดยรวมของเด็ก  ให้แน่ใจว่า ไม่ได้มองที่ตัวเลขสรุปตัวเดียวของเด็ก เช่นเรื่อง IQ ที่เต็มระดับของเด็ก ว่าเป็นตัวชี้วัดที่ดีที่สุดที่จำเป็นทางด้านสติปัญญา  นักเรียน LD มีจุดแข็งหลายอย่างพร้อมทั้งจุดอ่อนหลายๆ อย่าง  การเฉลี่ยคะแนนสูงและคะแนนต่ำเข้าเป็นระดับคะแนนเดียวเท่านั้นสามารถจะชี้นำ ไปในทางที่ผิดได้  ผู้ประเมินควรจะนั่งลงกับคุณและอธิบายถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของลูกคุณมากกว่า ที่จะมุ่งเน้นไปที่ระดับคะแนนตัวเดียวเท่านั้น  คุณจำเป็นจะต้องรู้ขอบเขตของจุดแข็งและจุดอ่อน

ผลการทดสอบจะอธิบายทักษะทางวิชาการโดยรวมของนักเรียนด้วย  คุณจะเรียนรู้ว่า  การอ่านของนักเรียนอยู่ในระดับเดียวกับชั้นที่เรียนหรือไม่  และถ้าไม่  ข้อบกพร่องเฉพาะนั้นอยู่ตรงไหน  ตัวอย่างเช่น  มันอาจเป็นว่า ลูกของคุณมีความยุ่งยากในการอ่านออกเสียงคำใหม่ๆ แต่ใช้สติปัญญาในการชดเชย  จนได้ประเด็นสำคัญของข้อมูลนั้นๆ  หรือ บางทีลูกของคุณสามารถอ่านได้ทุกๆ คำอย่างรวดเร็วและถี่ถ้วน  แต่ยังดิ้นรนกับความเข้าใจเนื่องจากความจำที่มีอยู่และ/หรือประเด็นกระบวน การรับรู้ทางภาษา  การวิเคราะห์ที่คล้ายคลึงกันควรจะปรากฏในทักษะภาษาที่เขียนและในคณิตศาสตร์ ของนักเรียน

ผลของการศึกษาเรื่องเหล่านี้อาจชี้ให้เห็นถึงความยุ่งยากในขอบเขตที่เป็น ไปได้อื่นๆ ด้วย  ลูกชายหรือลูกสาวของคุณอาจจะมีความยุ่งยากกับทักษะทางภาษาที่มีอยู่  อาจจะเป็นปัญหาด้วยเรื่องกระบวนการรับรู้  การเรียงลำดับ  หรือการจดจำสิ่งที่ได้ยิน (ปัญหาด้านภาษาที่รับรู้) หรือปัญหาอาจจะเกี่ยวข้องกับการเรียบเรียงความคิดและการค้นหาคำที่จะใช้ เพื่อแสดงความคิดเหล่านี้ (ปัญหาภาษาที่แสดงออก) ถ้ามีปัญหาเรื่องภาษาเช่นนั้น  การประเมินทางด้านภาษาและการใช้คำพูดจะทำให้การช่วยเหลือที่ต้องการมีความ ชัดเจนและละเอียดขึ้น

หรือมิฉะนั้น ภาษาเขียนของลูกคุณอาจจะได้รับผลกระทบโดยเขาไม่สามารถจะทำงานเขียนได้  เขาหรือเธออาจจะพบความลำบากในการเขียนจดหมาย  กลไกของการเขียนอาจจะดำเนินไปอย่างช้ามากและด้วยความยุ่งยากนั้น เขาจะรู้สึกคับข้องใจและทำงานได้เพียงเล็กน้อยหรือเลิกทำไปเลย  การประเมินโดยนักบำบัดอาชีพจะทำให้ได้วิธีการที่ดีที่สุดในการช่วยเหลือชัด แจ้งขึ้น  ถ้าข้อมูลในการทดสอบบ่งบอกปัญหาทางอารมณ์หรือปัญหาความใส่ใจ  การประเมินสุขภาพทางจิตขั้นต่อไปจะบ่งบอกวิธีที่จะช่วยเหลือที่ดีที่สุด  เป็นเรื่องจำเป็นเสมอที่จะทำให้ชัดแจ้งว่า  ปัญหาทางอารมณ์  สมาธิใส่ใจ และสังคมเป็นสาเหตุของความยุ่งยากทางด้านวิชาการหรือไม่  หรือปัญหาเหล่านี้เป็นสาเหตุของความคับข้องใจและความล้มเหลวที่นักเรียนที่ มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ประสบ  ถ้าผลการทดสอบบ่งบอกว่า เป็นสมาธิสั้นหรือไฮเปอร์แอคทีฟ  นักวิชาชีพทางด้านสุขภาพจะช่วยตัดสินการวินิจฉัยและแนะนำการช่วยเหลือ

ถ้าลูกของคุณมีความบกพร่องทางการเรียนรู้  แล้วจะทำอย่างไรต่อไป
ถ้าผลของการทดสอบยืนยันว่า  ลูกชายหรือลูกสาวของคุณเป็นแอลดี  คุณครูใหญ่ควรจะเรียกประชุมนักวิชาชีพทางการศึกษาพิเศษที่เหมาะสม  ที่การประชุมนี้นักวิชาชีพอาจจะแนะนำ  “แผน 504” หรือ “แผนการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP)”

แผน 504 อยู่บนพื้นฐานของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่  โดยต้องการให้นายจ้างต้องตระเตรียมการชดเชยสำหรับคนพิการแต่ละคน (มาตรา 504 ของกฎหมายนี้กล่าวถึงการจัดสภาพการศึกษา) บ่อยครั้งที่แผน 504 ของโรงเรียนอธิบายขอบเขตของความยุ่งยากและจดบัญชีการชดเชยต่างๆที่จะต้องถูก ตระเตรียมไว้ในห้องเรียน  ตัวอย่างนั้นรวมทั้งการนั่งหน้าชั้นเรียน  การใช้คอมพิวเตอร์หรือเครื่องคิดเลข  หรือการให้เวลามากขึ้นในการทำข้อสอบ

แผนการศึกษาเฉพาะบุคคล หรือ IEP อยู่บนพื้นฐานของกฎข้อบังคับของกฎหมายพระราชบัญญัติการศึกษาเพื่อคนพิการ (IDEA ของสหรัฐอเมริกา) ที่ต้องการบริการช่วยเหลือในโรงเรียนสำหรับเด็กที่มีความบกพร่อง  หลังการประเมินจะมีการตัดสินใจ 3 ขั้นตอนโดยทีมของโรงเรียน  การตัดสินใจแต่ละครั้งต้องได้รับการยอมรับโดยนักวิชาชีพของโรงเรียนและโดย คุณพ่อคุณแม่  จะไม่มีการสรุปผลการตัดสินใจโดยปราศจากการยินยอมของคุณ

ขั้นตอนแรก  ต้องทำเป็นเอกสารว่า ลูกชายหรือลูกสาวของคุณมีความบกพร่อง  พระราชบัญญัติการศึกษาเพื่อคนพิการเป็นกฎหมายที่ให้สิทธิบางอย่าง  ซึ่งหมายความว่า  ถ้าท่านไม่มีความบกพร่อง  คุณก็จะไม่ได้รับสิทธิต่อบริการช่วยเหลือที่นำเสนอภายใต้กฎหมายนี้  ความบกพร่องอาจจะถูกระบุว่าเป็น “ความบกพร่องทางการเรียนรู้” หรือความบกพร่องที่เกี่ยวข้อง  ถ้าท่านไม่เข้าใจนิยามคำศัพท์ที่ใช้  ให้ถามเพื่อความกระจ่าง  ขั้นตอนที่สองคือการอธิบายว่าบริการช่วยเหลือใดบ้างที่ต้องการ  เช่นการช่วยเหลือในการรักษาโดยเฉพาะหรือการชดเชยอื่นใด ให้ในสิ่งที่ต้องการ  โปรแกรมอะไรจะเหมาะสมที่สุด  ตัวอย่างเช่น  ลูกของคุณจะยังเรียนอยู่ในชั้นเรียนการศึกษาทั่วไปและรับบริการช่วยเหลือภาย ในชั้นเรียน  หรือต้องละชั้นเรียนไปพบนักวิชาชีพเฉพาะเป็นครั้งคราว  หรือ  ลูกของคุณควรจะเข้าโปรแกรมการศึกษาพิเศษ  และบางทีก็เข้าร่วมเรียนบางโปรแกรมในชั้นเรียนการศึกษาทั่วไป

ทันทีที่มีข้อตกลงต่อคำถามเหล่านี้แล้ว  ขั้นตอนที่สาม คือ การตัดสินว่าบริการช่วยเหลือเหล่านี้จะตระเตรียมให้ที่ไหน  ในทางความคิด จะสามารถหาบริการได้ในโรงเรียนใกล้บ้านท่าน  ถ้าต้องการบริการช่วยเหลือที่เข้มข้นขึ้นกว่าที่หาได้จากโรงเรียนนี้  ที่เรียนในโรงเรียนอีกโรงเรียนหนึ่งก็อาจเป็นเรื่องจำเป็น  ถ้าลูกของคุณอยู่ในโรงเรียนเอกชน  ควรจะทำการจัดแจงให้เด็กได้รับบริการช่วยเหลือที่โรงเรียนรัฐบาลที่ใกล้ที่ สุด

หลังจากมีการตกลงยินยอมแล้ว  ให้เขียนสัญญาเพื่อเป็นโครงร่างว่า  ระบบในโรงเรียนจะตระเตรียมสิ่งใดไว้ให้บ้าง  สัญญานี้เรียกว่า  “แผนการศึกษาเฉพาะบุคคล”  หรือ IEP  เอกสารนี้ต้องลงนามโดยนักวิชาชีพของโรงเรียนและโดยคุณพ่อคุณแม่ก่อนที่จะใช้ อย่างเป็นทางการ

บางครั้งบริการช่วยเหลือที่หาได้ในโรงเรียนรัฐบาลอาจจะน้อยกว่าที่คุณ ต้องการให้สำหรับลูกของคุณ  คุณอาจต้องการค้นหาที่ปรึกษาส่วนตัวและบริการเสริมซึ่งโรงเรียนจะตระเตรียม การบำบัดทางอาชีพเป็นการส่วนตัว  การศึกษาพิเศษหรือบริการด้านภาษาและการพูด

ติดตามผลหลัง IEP เริ่มต้นขึ้น
เป็นเรื่องยากที่จะวางแผนมากกว่าประมาณ 6 เดือนในแต่ละครั้ง  ความก้าวหน้าอาจช้าลงกว่าที่คาดหวังหรือเร็วขึ้น  การท้าทายใหม่ๆ อาจจะเพิ่มความยุ่งยากใหม่ๆ ขึ้น  IEP จะถูกทบทวนเป็นรายปีและถ้าจำเป็น ให้ทบทวนสำหรับปีการศึกษาต่อไป  เมื่อโปรแกรมเริ่มต้นขึ้น  ถ้าคุณพ่อคุณแม่รู้สึกกังวลกับผลของโปรแกรมที่ปฏิบัติ  ก็สามารถจะร้องขอให้มีการทบทวนตามระยะเวลาที่กำหนดในเวลาต่อมา

แปลและเรียบเรียงจาก What Do You Do If You Suspect That Your Child Has A Learning Disability ? โดย Larry B. Silver, M.D. and Ruth B. Spodak, Ph.D. (2007) http://www.ldonline.org
โดย พรรษชล ศรีอิสราพร

ภาพประกอบบทความหน้าต่าง LD

แบบประเมินคุณภาพสื่อ สสพ.

คุณพอใจกับคุณภาพสื่อข้างต้นมากน้อยเพียงใด
  • พอใจมาก0
  • พอใจ0
  • ปานกลาง0
  • ไม่พอใจ0
  • ไม่พอใจมาก0
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก

Fatal error: Call to undefined function drupal_get_path() in /usr/local/www/apache22/data/Braille-new/sites/all/modules/better_statistics/better_statistics.module on line 181