การสอนการจัดการเรื่องเวลาให้กับนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ 24/12/2010
การจัดการเรื่องเวลาเป็นเรื่องท้าทายสำหรับทุกคน นักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ด้านภาษา สมาธิสั้น และไฮเปอร์แอ็คทีฟ บกพร่องทางการอ่าน (dyslexia) และที่มีความบกพร่องทางด้านอื่นๆ มักพบว่ายิ่งเป็นเรื่องท้าทายมากยิ่งขึ้นกว่านักเรียนคนอื่นๆ
ความคิดรวบยอดเรื่องเวลาสามารถเป็นเรื่องน่าท้าทายโดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น ความสามารถที่จะบอกเวลาจากนาฬิกาแตกต่างจากความเข้าใจเรื่องความคิดรวบยอด ของเวลา นักเรียนจำนวนมากสามารถอ่านเวลาจากนาฬิกาได้โดยสมบูรณ์ดี แต่เมื่อถูกถามให้ประมาณว่า การบ้านจะใช้เวลานานเท่าไร พวกเขาแทบจะไม่สามารถให้คำตอบที่ถี่ถ้วนได้ ขณะที่บางคนประมาณเวลาที่ต้องการน้อยกว่ามากและทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังและ คับข้องใจ อีกกลุ่มหนึ่งประเมินเวลาไว้มากมายและรู้สึกเหลืออดเหลือทนก่อนที่พวกเขาจะ เริ่มต้นเสียอีก การพัฒนาความรู้สึกถึงความเร็วช้าในการทำงานของแต่ละคนเป็นเรื่องจำเป็น สำหรับนักเรียนที่จะเรียนรู้การจัดการเรื่องเวลา
นักเรียนซึ่งมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ต้องการองค์ประกอบอย่างมาก การทำการสอนให้ชัดแจ้งและขยายโอกาสที่จะฝึกฝนกลยุทธ์ต่างๆ จนกระทั่งพวกเขาพัฒนาทักษะที่ไม่ต้องพึ่งใคร สิ่งต่างๆ เหล่านี้ต้องการเวลาโดยเฉพาะสำหรับนักเรียนและพ่อแม่และครูที่มีธุระยุ่ง เหยิง ในวัฒนธรรมที่ก้าวไปอย่างรวดเร็วนี้ ทักษะการจัดการเรื่องเวลาอย่างมีประสิทธิภาพเป็นเรื่องจำเป็น โชคดีอย่างยิ่ง ที่กลยุทธ์พื้นฐานบางอย่าง - ถ้าฝึกโดยสม่ำเสมอแล้ว – สามารถช่วยเหลือนักเรียนให้จัดการตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการเรื่องเวลาเป็นทักษะที่สำคัญมาก ซึ่งสามารถจะทำให้ประสบความสำเร็จทางวิชาการหรือล้มเหลวได้บ่อยๆ
จุดเริ่มต้นของการสอนการจัดการเรื่องเวลาที่ดีคือ การวิเคราะห์งาน มันแสดงถึงทักษะอย่างหนึ่งที่นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้พัฒนาด้วยการรับรู้แบบ สัมผัสตรงๆ แม้กระนั้นก็ดี มันเป็นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการพัฒนาการจัดการเรื่องเวลาให้มีประสิทธิภาพ คุณสามารถสนุกสนานได้มากกับเรื่องนี้ มันเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ด้วยเหมือนกันที่จะนำพ่อแม่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยการ ขอร้องพวกเขาให้ฝึกทักษะนี้กับลูกๆ ของเขาที่บ้าน ขอให้นักเรียนของคุณกับคุณพ่อคุณแม่ลองคิดว่าจะใช้เวลาเท่าไรในการขี่ จักรยานไปบ้านเพื่อน ในการทำปราสาททราย ให้อาหารสัตว์เลี้ยงที่บ้าน หรือระบายสี ทันทีที่พวกเขาเริ่มประมาณการได้ นักเรียนสามารถย้ายไปทำทักษะการจัดการเวลาในเรื่องที่ก้าวหน้ากว่านี้ได้ เมื่อพวกเขากลับไปที่ชั้นเรียน
การวิเคราะห์งานเป็นบางสิ่งบางอย่างที่นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้พัฒนาโดย การรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสโดยตรง แม้กระนั้นก็ดี มันเป็นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการพัฒนาการจัดการเรื่องเวลา การวิเคราะห์งานเป็นกระบวนการของการวินิจฉัยว่า อะไรต้องทำให้เสร็จบ้างจากงานที่ได้รับมา ไม่ว่าจะเป็นการบ้านหรือโครงการระยะยาว เช่น งานค้นคว้า การที่จะประเมินเวลาอย่างถี่ถ้วน นักเรียนต้องรู้ขั้นตอนที่ต้องการที่จะทำงานให้เสร็จ บางครั้งนักเรียนไม่ได้ระลึกรู้เลยว่า การบ้านชิ้นเดียวอาจจะมีสามส่วน ตัวอย่างเช่น การบ้านที่จะอ่านหนึ่งบท และแยกแยะคำศัพท์สำหรับบททดสอบในวันต่อไป งานนี้ต้องการให้นักเรียน (1) อ่าน (2) ค้นหาคำในพจนานุกรม (3) แยกแยะและจดจำข้อมูลที่จะปรากฏในบททดสอบ เป็นไปได้ที่นักเรียนซึ่งไม่ได้ฝึกฝนการวิเคราะห์งานจะทำขั้นตอนแรกและขั้น ตอนที่สองได้สมบูรณ์ แล้วประมาณการว่าขั้นตอนที่สามจะเกิดขึ้นด้วยตัวของมันเอง พวกเขาอาจจะทำบททดสอบได้แย่มาก แม้ว่าพวกเขาจะได้ทำการบ้านแล้วจริงๆ
จุดประสงค์
จุดประสงค์ของใบงานการวิเคราะห์งานและการประเมินเวลาคือ การเพิ่มการรู้ตัวของนักเรียนในเรื่องขั้นตอนที่มีหลายขั้นตอนซึ่งเกี่ยว ข้องกันในงานชิ้นเดียว และเพื่อที่จะพัฒนาการรับรู้ว่า จะใช้เวลาเท่าไร งานจึงจะสมบูรณ์ได้
ในทางความคิด คุณครูควรจะจัดสรรเวลาสำหรับชั้นเรียนไว้ล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์หรือประมาณ นั้นสำหรับให้นักเรียนทำงานกับใบงานการวิเคราะห์งานและประเมินเวลา โดยเฉพาะสำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา ถ้าหาเวลาว่างในชั้นเรียนไม่ได้ คุณครูสามารถจะให้นักเรียนทำใบงานให้เสร็จที่บ้านและสนับสนุนคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองให้มีส่วนร่วมด้วย
อุปกรณ์ที่ต้องการ
- เครื่องจับเวลาในครัวที่มีกระดิ่ง
- นาฬิกาจับเวลา
- ใบงานการวิเคราะห์งานและการประเมินเวลา
ขั้นตอน
เริ่มแรกให้คุณครูแสดงวิธีใช้นาฬิกาจับเวลา แล้วให้นักเรียนตั้งนาฬิกาจับเวลาไว้ที่ 0:00
การเลือกและวิเคราะห์งาน
นักเรียนควรจะเริ่มต้นด้วยงานพื้นฐาน เช่น การทำเตียงในตอนเช้า นักเรียนจดขั้นตอนทั้งหมดที่จะทำให้งานสมบูรณ์โดยเรียงตามลำดับให้ถูกต้อง
แล้วคุณครูให้นักเรียนประเมินเวลาที่พวกเขาคิดว่าจะใช้เพื่อทำงานให้ เสร็จสมบูรณ์ บันทึกไว้ว่า นักเรียนจะมีความคิดที่เหมาะสมถ้างานนี้กลายเป็นกิจวัตร
เมื่อพวกเขากลับไปที่ห้องเรียน ก้าวต่อไปสำหรับนักเรียนคืองานวิชาการที่เป็นรูปธรรม เช่น การบ้าน หรือ การอ่านหนังสือเป็นบทๆ โดยทั่วไปพวกเขาต้องการคำแนะนำที่จุดนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการทำอะไรที่สั้นๆ ง่ายๆ เกินไป ตัวอย่างเช่น การบ้านให้อ่านส่วนแรกของบทที่ 6 ในหนังสือสังคมศึกษา นักเรียนอาจจะเขียนง่ายๆ แค่ขั้นตอนเดียวคือ อ่าน บนใบงานของพวกเขา ถ้าไม่ชี้ให้ชัดแจ้งว่าต้องแตกงานเป็นขั้นตอนย่อยๆ
เมื่อนักเรียนเริ่มเข้าใจความซับซ้อนของงานง่ายๆ ที่เป็นรูปธรรม คุณครูสามารถจะขยายการวิเคราะห์งานให้เป็นงานที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เช่น การเขียนงานค้นคว้า และการเตรียมตัวสำหรับการสอบครั้งสุดท้าย
การทดสอบการประเมินเวลาของนักเรียน
ทันทีที่วิเคราะห์งานได้และประเมินเวลาแล้ว นักเรียนเตรียมตัวที่จะทำงานให้เสร็จและเริ่มนาฬิกาจับเวลา เมื่องานสมบูรณ์ ให้หยุดเวลาและบันทึกเวลาที่แท้จริงบนใบงาน (นักเรียนควรจะหยุดเวลาถ้าพวกเขาถูกขัดจังหวะหรือจำเป็นต้องหยุดมากกว่า หนึ่งนาที เพื่อว่าเวลาที่แท้จริงของพวกเขาจะได้ถี่ถ้วน) สุดท้าย ให้นักเรียนคำนวณว่า พวกเขาประเมินเวลามากกว่าหรือน้อยกว่าเวลาทำงานจริงเท่าไร
อย่างที่กล่าว นักเรียนควรจะใช้ใบงานการวิเคราะห์งานและการประเมินเวลาในเวลาหนึ่งสัปดาห์ หรือมากว่านั้น พวกเขาเรียนรู้เร็วที่จะดูเวลาที่แท้จริงในวันก่อนๆ เพื่อประเมินเวลาทำงานในปัจจุบัน กิจกรรมนี้จะช่วยเหลือคุณครูได้มากเช่นเดียวกับนักเรียน เนื่องจากมันช่วยบอกความแตกต่างของเวลาในการทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ภายในชั้น เรียน
ความเชี่ยวชาญในกิจวัตร
การประเมินอย่างถี่ถ้วนว่าจะใช้เวลามากเท่าไรที่จะทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการวางแผนในระยะยาว เมื่อนักเรียนทำใบงานการวิเคราะห์งานและการประเมินเวลาได้สมบูรณ์ในช่วงเวลา หนึ่งแล้ว พวกเขาเรียนรู้ว่า เวลาที่ใช้จริงจะแตกต่างไปตามความยาวและความซับซ้อนของงานที่ได้รับมอบหมาย ระดับของสมาธิ และองค์ประกอบอื่นๆ เช่น ความอ่อนเพลีย แรงกระตุ้นและความสนใจ พวกเขายังได้เรียนรู้ด้วยว่า งานประเภทไหนเร็วและง่าย และประเภทไหนต้องการเวลาและความพยายามมากขึ้น นักเรียนจะทำได้ดีทีเดียวเมื่อพวกเขาฝึกฝนได้เพียงพอ
หลังจากทำงานประจำวันที่เข้มข้นมาบ้างแล้วในเรื่องการวิเคราะห์งานและการ ประเมินเวลา คุณครูสามารถจะให้นักเรียนแกะรอยเวลาที่ใช้จริงและเวลาที่ประเมินไว้เพื่อทำ งานให้เสร็จได้ การใช้เวลาที่จะสอนนักเรียนถึงวิธีวิเคราะห์งานและประเมินเวลา แล้วฝึกฝนไปกับพวกเขา ช่วยนักเรียนให้พัฒนาทักษะการเรียนอันมีค่า ซึ่งจะช่วยจัดการงานในชั้นเรียนการบ้านได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพมาก ขึ้น การจัดการเรื่องเวลาถือเป็นทักษะอันหนึ่งด้วยเหมือนกันที่จะช่วยเพิ่มพูน ชีวิตของนักเรียนภายนอกชั้นเรียน พวกเขาอาจจะพบว่า พวกเขามีความกังวลที่น้อยลงเกี่ยวกับงานของเขา มีเวลาว่างมากขึ้น และเพิ่มความภาคภูมิใจในทักษะซึ่งจะช่วยเหลือเขาได้ดีโดยตลอดชีวิตของพวกเขา
แปลและเรียบเรียงโดย พรรษชล ศรีอิสราพร