กระบวนการค้นพบ : การค้นหาว่าทำไมลูกของคุณจึงดิ้นรน 20/12/2010
คาเรน เจ โฟลี ทำหน้าที่ผู้ปกครองตลอดสิบปีที่ผ่านมา เธอยังเป็นนักเขียนและทำวิจัยระดับปริญญาเอกด้านการติดต่อสื่อสาร หนังสือบันทึกความทรงจำของเธอในชื่อ “ เหมือนเสียงที่ผ่านน้ำ: การเดินทางของแม่ผ่านความบกพร่องในกระบวนการได้ยิน” (Like Sound Through Water: A Mother’s Journey Through Auditory Processing Disorder) ได้บรรยายถึงกระบวนการค้นพบตลอดสามปีของเธอ ระหว่างช่วงเวลานั้น เธอค้นหาคำตอบต่อเรื่องความเชื่องช้าอย่างหนักของลูกชายด้านการใช้คำพูดและ ความเข้าใจ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการติดต่อผู้เขียน ลองดูที่เว็บไซต์ www.karenfoli.com
เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา ผู้ปกครองคนหนึ่งได้มาบรรยายความรู้สึกให้ฉันฟัง เธอบอกว่า ตอนที่ลูกสาวเกิด เธอเชื่อว่าลูกของเธอมีสุขภาพดีและเป็นปกติ แต่เมื่อหลายปีผ่านไป เธอค้นพบความล่าช้า ความยุ่งยากและการดิ้นรนของลูกของเธอ เธอสารภาพว่า มันคงจะง่ายกว่านี้ถ้าเธอรู้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติตั้งแต่ลูกเกิด สิ่งที่ดำเนินไปนั้น เธอรู้สึกว่าโชคชะตาได้เล่นกลกับเธอเข้าให้แล้ว
เธอถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกในฐานะผู้ปกครองของเด็กที่กำลังดิ้นรน เกิดความฉงนสนเท่ห์และความสับสนขึ้นเมื่อคุณพยายามจะคิดว่าเกิดอะไรขึ้น กลัวถึงความไม่รู้ รู้สึกผิดถึงสิ่งที่คุณทำและคุณไม่ได้ทำจะเป็นสาเหตุของความยุ่งยาก เศร้าใจที่ลูกต้องพบกับประสบการณ์เช่นนี้ รู้สึกขอบคุณที่ลูกสามารถสอนคุณมากมายและหยิบยื่นความปิติยินดีที่แท้จริง ให้ บางทีปฏิเสธในการเชื่อเล็กน้อยผสมกับการมีความหวังที่เปราะบาง โกรธที่ผลกระทบต่อชีวิตของคุณและความไร้ประสิทธิภาพของระบบ และในที่สุดก็สูญสิ้นเรี่ยวแรง
ความเข้มข้นและขอบเขตความรู้สึกของผู้ปกครองที่มีลูกกำลังดิ้นรนจะสร้าง อารมณ์ที่หลากหลายต่อเนื่องกัน หนึ่งในอารมณ์เหล่านี้คือ ความระทมทุกข์ อะไรที่พ่อแม่เศร้าโศกกันแน่ สังคมบอกเราว่า ลูกของเราควรจะพูดที่อายุเท่านั้นเท่านี้ สามารถเรียนรู้ที่จะอ่านหนังสือในช่วงเวลาเท่านั้นเท่านี้ และบรรลุความสำเร็จในเรื่องต่างๆ เมื่อเรียนอยู่เกรดแรก สังคมบรรยายกับเราว่า ลูกจะเล่นกีฬาและผ่านการทดอบมาตรฐานโดยปราศจากความช่วยเหลือพิเศษ มันแสดงให้เราเห็นภาพของเด็กผู้ชายที่เรียนรู้ที่จะอ่านหนังสือในระดับ อนุบาล และบอกเราว่าเด็กผู้หญิงเรียนรู้ที่จะพูดเมื่อถึงเวลาที่เธออายุสองขวบ
การตระหนักว่า ลูกของคุณไม่ได้บรรลุสิ่งเหล่านั้นของสิ่งที่เรียกว่า “ความฝันวัยเด็ก” หรือความคิดในสิ่งที่เราต้องการหรือประมาณว่าลูกของเราควรจะเป็น สิ่งที่เราต้องการให้เด็กทุกๆ คนควรจะเป็น
เมื่อความยุ่งยากของลูกปรากฎขึ้นในช่วงปีแรกๆ พ่อแม่ถูกกระทบทันทีทันใด โดยปกติแล้วเป็นความรู้สึกสูญเสียอย่างอธิบายไม่ได้ แต่เมื่อจิตใจของเด็กกำลังดิ้นรน ความยุ่งยากนั้นอาจจะไม่ชัดเจนนัก และความจริงที่รุนแรงก็คือว่า มันอาจใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปีที่จะเข้าใจอย่างแท้จริงว่า อะไรคือสาเหตุที่ซ่อนอยู่ของความยุ่งยาก
แต่ไม่ว่าการดิ้นรนจะซ่อนอยู่หรือปรากฎชัด ลูกที่เรากอด เด็กที่นั่งถัดจากเราที่โต๊ะครัวไม่ได้เปลี่ยนไปจากสิ่งที่เขาหรือเธอเป็น เสมอ ความยุ่งยากอยู่ที่นั่น เราเพียงแต่ไม่รู้เกี่ยวกับมัน สิ่งที่เรามีคือ ลูกของเราจริงๆ ลูกซึ่งเรารักและต้องการความช่วยเหลือ ลูกซึ่งเรารักอย่างท่วมท้นและผลักดันเราไปสู่ขีดจำกัดของความอดทนและท้าทาย คำจำกัดความของความรักของเรา สำหรับฉันแล้ว เขาคือลูกซึ่งสอนฉันถึงอะไรคือสิ่งที่สำคัญในชีวิต แต่การตระหนักรู้จะมีเมื่อเวลามาถึงเท่านั้น
อารมณ์ที่พ่อแม่ประสบผ่านมักซับซ้อนด้วยเหมือนกันด้วยองค์ประกอบที่ไม่ อาจรู้ได้ที่พวกเขาต้องเผชิญ ลูกของฉันเรียนรู้ที่จะพูดได้ตามปกติไหม แกจะประสบผลสำเร็จในโรงเรียนไหม เขาจะไปกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันได้ไหม อดทนกับสถานการณ์ที่เซ็งแซ่ไหม จดโน้ตระหว่างการสอนได้ไหม ผ่านการสอบที่เขาจำเป็นเพื่อได้รับประกาศนียบัตรจากโรงเรียนไหม
โดยแบบฉบับแล้วพ่อแม่ต้องเผชิญกับสิ่งที่ฉันเรียกว่า ปัญหา “การดิ้นรนแบบหลายด้าน” มากกว่าจะเป็นแค่ด้านเดียว และเพียงเมื่อดูเหมือนว่า ปัญหาหนึ่งจะอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว แต่ปัญหาอื่นๆ อีกกำลังตามมา กระบวนการค้นพบ การค้นหาเพื่อความเข้าใจการดิ้นรนของเด็ก เป็นเรื่องน่าสับสนและน่าตกใจกลัวและมักเป็นระยะยาวด้วย
ระหว่างกระบวนการค้นพบ พ่อแม่ต้องรู้สึกซาบซึ้งในบทบาทที่สำคัญของตนเอง เวลาเป็นเรื่องมีค่า และสังคมให้เวลาเด็กเหล่านี้น้อยลงๆ และขณะที่ความรับผิดชอบของพ่อแม่มีอยู่ท่วมท้นในทุกเวลา พ่อแม่ควรจะรู้สึกถึงอำนาจแห่งความรักของตนด้วยเหมือนกัน
นี่เป็นยุทธศาสตร์บางอย่างซึ่งอาจจะช่วยเหลือระหว่างกระบวนการค้นพบ
พูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกของคุณ แม้แต่ความรู้สึกซึ่งสังคมอาจไม่เห็นด้วย เช่น ความโกรธ ความลำบากใจและความสูญสิ้นเรี่ยวแรง
เลือกคนบางคนซึ่งอาจจะเป็นสามีหรือภรรยา เพื่อน พระ พี่สาว น้องสาว หรือพี่ชาย น้องชาย ซึ่งจะฟังโดยไม่ปล่อยความเห็นให้ผ่านไป อินเตอร์เน็ตกลายเป็นสถานที่ซึ่งผู้คนมาเชื่อมต่อกัน ขณะที่ควรจะให้ความใส่ใจในการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เพียงแค่อ่านความคิดของคนอื่นสามารถลดความหวาดระแวงไปได้มาก มันช่วยลดความรู้สึกว่าคุณอยู่คนเดียว
ยอมรับว่า การเป็นพ่อแม่เด็กคนนี้เป็นเรื่องท้าทายตลอดเวลา
ความสิ้นเปลืองเรื่องเงิน เวลาและพลังงานอาจทำให้เรารู้สึกเหลือทน ความรู้สึกเป็นส่วนน้อยซึ่งพ่อแม่ของเด็กที่กำลังดิ้นรนรู้สึกไม่ได้เป็นการ ช่วยสนับสนุนเลย จุดเน้นคือการช่วยเหลือเด็ก ไม่ใช่ว่าพ่อแม่ควรจะทำอย่างไร โดยการยอมรับว่า สิ่งที่ท่านกำลังทำนั้นยาก ท่านอาจจะรู้สึกโล่งอกหรือยอมรับความรู้สึกของตนเองได้มากขึ้น
ให้การศึกษาตนเองอย่างดีที่สุดเท่าที่ท่านสามารถเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ท่านเห็นในตัวเด็ก
การค้นหาข้อมูลไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อท่านไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกของท่าน และมืออาชีพที่เชี่ยวชาญอาจยากที่จะค้นหา อินเตอร์เน็ตสามารถจะเป็นแหล่งการค้นหาแหล่งใหญ่มหาศาลอีกเหมือนกัน เมื่อใช้ด้วยความใส่ใจและมีวิจารณญาณที่ดี ใช้มันเหมือนผู้สื่อข่าวซึ่งตรวจสอบข้อมูลของเขามากกว่าหนึ่งแหล่ง
แต่พ่อแม่ไม่สามารถจะเป็นผู้รู้ในทุกด้านที่มีผลกระทบต่อลูกของตนและแน่ นอนไม่ถึงระดับมืออาชีพแน่ แต่พวกเขาสามารถถามคำถามที่มีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการวินิจฉัยกันขึ้นมา พ่อแม่ควรจะรู้สึกอิสระที่จะถาม พฤติกรรมอะไร สัญญาณใดหรืออาการอย่างใดที่ลูกของฉันมีและตรงกับข้อวินิจฉัยนั้น และที่สำคัญคือ สัญญาณใด อาการใดและพฤติกรรมอะไรที่ไม่ตรงกับการวินิจฉัยนั้น
ฉลองพรสวรรค์ให้ลูกของคุณ
ลูกชายของฉันจะเป็นที่สังเกตเสมอในช่วงปีแรกๆ ของการดิ้นรน เขาทำงานหนัก อ่อนไหวและระวังถึงการถูกวัดโดยคนอื่นๆ แม้กระนั้นก็ดีเขาก็ใส่ใจในความรู้สึก จิตใจมีเมตตา และถือทิฐิ เป็นทักษะที่จะช่วยเขาได้ดีในชีวิต เด็กทุกๆ คนมีคุณสมบัติพิเศษ พรสวรรค์ซึ่งสามารถถูกใช้เพื่อช่วยเหลือเด็กให้ปรับตัวเข้ากับโลกของเขาหรือ ของเธอ
รู้สึกถึงความหวัง ถ้าท่านสามารถทำได้
สิ่งต่างๆ จะดีขึ้น ปัจจุบันมีเครื่องมือช่วยเหลือที่หาได้ง่ายขึ้น และด้วยคำแนะนำที่เหมาะสม เครื่องมือเหล่านี้สามารถสร้างความแตกต่างให้กับลูกของคุณได้อย่างเหลือ เชื่อ การผสมผสานระหว่างความหวัง การค้นหามืออาชีพที่ใส่ใจและมีทักษะ รวมทั้งการไว้วางใจความรู้ของคุณเองเกี่ยวกับโลกของลูกคุณจะสามารถสร้างความ แตกต่างได้อย่างแท้จริง
ระหว่างการสัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้ ฉันถูกถามให้เอ่ยชื่อการช่วยเหลือที่สำคัญที่สุดซี่งสร้างความแตกต่างอย่าง สำคัญในตัวลูกชาย ผู้สัมภาษณ์ยืนยันให้ฉันเอ่ยถึงอย่างเดียว ฉันตอบว่า “เราไม่เคยยอมแพ้” และนั่นอยู่ในกระบวนการค้นพบ มันเป็นเรื่องสำคัญที่เราไม่เคยยอมแพ้จนกระทั่งเราพบคำตอบต่อคำถามของเรา ในการวิเคราะห์ท้ายสุด คุณภาพชีวิตของลูกของเราขึ้นอยู่กับคำตอบเหล่านี้