การให้บริการช่วยเหลือเด็กที่บกพร่องทางการเรียนรู้ด้านที่ไม่ใช่ภาษา ตอนที่ 4 (30/09/2010)
การให้บริการช่วยเหลือเด็กที่บกพร่องทางการเรียนรู้ด้านที่ไม่ใช่ภาษา (NLD) แบบ CAMS นั่นคือ การชดเชย (Compensations) การทดแทน (Accommodations) การแก้ไข (Modification) และ กลยุทธ์ (Strategies) มีดังนี้คือ
การทดแทนประนีประนอม (Accommodations)
1. การบ้านซึ่งต้องการให้สำเนาข้อความต้องถูกปรับแก้หรือละทิ้งไป เนื่องมาจากปัญหาธรรมชาติในเรื่องการมองเห็นในที่ว่างของเด็กNLD ต่อแบบฝึกหัดแบบนั้น การใช้วิธีการเรื่องความจำที่ดีที่สุดคือ การช่วยให้กระตือรือร้นในการใช้ภาษาและ/หรือ การอ่านในใจหรือการอ่านไม่ออกเสียง
2. การวางรูปแบบข้อสอบในกระดาษคำตอบและการดำเนินการการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ในเรื่องที่ว่างและการมองเห็นจำเป็นจะต้องทำให้ดูง่าย เมื่อไรก็ตามที่เป็นไปได้ ขอแนะนำว่าให้ใช้กระดาษกราฟเขียนเป็นคอลัมน์ในการบ้านคณิตศาสตร์หรือควรตระเตรียมเนื้อหาคณิตศาสตร์ที่เด็กประเภทนี้จะพอรับได้
3. งานที่ใช้ดินสอและกระดาษจำเป็นที่จะมีให้น้อยเพราะว่าการถนัดในการใช้นิ้วและปัญหาเรื่องที่ว่างกับการมองเห็น วิธีรักษาทางอาชีพเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาสำหรับเด็กที่เยาว์วัย การลงมือปฏิบัติโดยสื่อเป็นภาษาเพื่อที่จะพัฒนาลายมือให้ดีขึ้นอาจจะมีผลให้การควบคุมและคล่องตัวดีขึ้น แต่กระบวนการจะยังคงเป็นเรื่องหนักหน่วง การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์พิมพ์การบ้านทั้งหมดส่งครูเป็นเรื่องที่ขอแนะนำให้ทำอย่างมาก ขณะที่ทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กกับที่ว่างที่ต้องใช้ในการพิมพ์ไม่ได้ซับซ้อนเหมือนกับที่ใช้ในการเขียนลายมือ
4. ความสับสนของคนโดยทั่วไปเกี่ยวกับความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านที่ไม่ใช่ภาษา มีผลด้วยเหมือนกันในการจำกัดความสามารถของนักเรียนที่จะผลิตปริมาณงานเขียนซึ่งถูกคาดหวังเช่นเดียวกับเพื่อนรุ่นราวในระดับชั้นเดียวกันตามปกติ เด็กประเภทนี้ต้องการความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องกับการเรียบเรียงข้อมูลและการสื่อสารในการเขียน ความคาดหวังของครูในเรื่องปริมาณผลผลิตงานเขียนต้องถูกปรับปรุง พวกงานเขียนที่มอบหมายให้เด็กจะต้องการเวลาเพิ่ม
5. ประเภทของงานที่ต้องการการพับ การตัดด้วยกรรไกร และ/หรือการจัดเรียงวัตถุซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ว่างและการมองเห็น (แผนที่ กราฟ โมบาย เป็นต้น) จะต้องการความช่วยเหลืออย่างเห็นได้ชัด ควรตระเตรียมความช่วยเหลือด้วยท่าทีประนีประนอมหรือควรจะตัดกิจกรรมเหล่านั้นทิ้งโดยสิ้นเชิง
6. งานที่มอบหมายให้เด็กแบบตลอดเวลา ควรต้องปรับแก้ไขหรือเลิกไป กระบวนการของข้อมูลทั้งหมดจะถูกแสดงออกในอัตราที่ช้ากว่ามากๆ เมื่อเกี่ยวพันกับการทำงานที่ผิดปกติของสมองแบบใดๆ ก็ตาม การจำกัดเวลาได้พิสูจน์ให้เห็นอยู่บ่อยๆ ว่า เป็นผลร้ายต่องานที่เป็นผลผลิตของเด็ก ขณะที่เด็กนักเรียนประเภทนี้จะรู้สึกเหลืออดเหลือทนได้อย่างง่ายๆโดยความคาดหวังที่เป็นไปไม่ได้จริงของครู
7. ผู้ใหญ่จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบความเข้าใจบ่อยๆ และนำเสนอข้อมูลด้วยคำพูดที่ธรรมดาและชัดเจน (เช่น “พูดจาชัดเจน” ในทุกๆ สิ่ง) เด็กประเภทนี้จะต้องการถามคำถามมากมาย เนื่องจากนี่เป็นวิธีการเริ่มต้นของการรวบรวมข้อมูลของเขา
8. ความคาดหวังทั้งหลายจำเป็นที่จะต้องบอกตรงๆ และชัดแจ้ง อย่าต้องการให้เด็กประเภทนี้ “อ่านความหมายระหว่างบรรทัด” เพื่อค้นพบความตั้งใจของคุณ หลีกเลี่ยงการพูดกระทบกระเทียบเปรียบเปรย การพูดอุปมาอุปไมย การใช้สำนวน คำสแลง เป็นต้น ถ้าคุณไม่ได้คิดจะอธิบายการใช้คำพูดเหล่านั้นของคุณ เขียนความคาดหวังที่แน่นอนออกมาสำหรับสถานการณ์ซึ่งเด็กอาจจะรับรู้คำแนะนำที่ซับซ้อนหรือสัญญาณเตือนทางสังคมที่เหมาะสมอย่างผิดๆ ฟีดแบค (feedback) ที่ให้กับเด็กนักเรียนประเภทนี้ควรจะสร้างสรรค์และให้การสนับสนุนเสมอ หรือมิฉะนั้นจะไม่ได้รับประโยชน์อะไร
9. หมายหรือกำหนดการต่างๆ ของเด็กนักเรียนประเภทนี้จำเป็นต้องเป็นที่คาดหมายได้เท่าที่จะเป็นไปได้ พวกเขาควรจะได้เตรียมตัวล่วงหน้าสำหรับการเปลี่ยนแปลงในกิจวัตรประจำวัน เช่น การชุมนุมต่างๆ การออกทัศนศึกษาต่างๆ จำนวนวันอย่างน้อย วันหยุดพักผ่อน วันสอบครั้งสุดท้าย เป็นต้น
10. เด็กประเภทนี้จำเป็นจะต้องมอบหมายให้ครูประจำที่โรงเรียนดูแลความก้าวหน้าของเขา และสามารถรับประกันได้ว่า ทีมงานที่โรงเรียนทุกคนได้ช่วยกันใช้วิธีการทดแทนประนีประนอมและการแก้ไขที่จำเป็นสำหรับเขา การฝึกอบรมเรื่องการให้บริการภายในและการกำหนดนโยบายให้แน่ชัดแก่ทีมงานของโรงเรียนทุกคนเพื่อสร้างเสริมความอดทนและการยอมรับถือเป็นส่วนสำคัญของการวางแผนทั้งหมดเพื่อความสำเร็จ โดยที่ทุกๆ คนต้องทำความคุ้นเคย และให้การส่งเสริมต่อความต้องการทางสังคมและทางวิชาการของเด็กประเภทนี้
(ติดตามตอนต่อไป)