ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

การให้บริการช่วยเหลือเด็กที่บกพร่องทางการเรียนรู้ด้านที่ไม่ใช่ภาษา ตอนที่ 1 30/08/2010

โดย ซู ทอมป์สัน M.A. และ C.E.T

ในทางการศึกษา การบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านที่ไม่ใช่ภาษามักถูกมองข้ามไป  เพราะว่านักเรียนคนนั้นมักจะพูดจามาก ในฐานะเป็นการชดเชย  เขามีความจำที่ได้รับการพัฒนาอย่างสูงสำหรับข้อมูลทางภาษาที่ตายตัว ดังนั้น ทักษะการสะกดคำและการอ่านแต่ช่วงแรกเริ่มตามปกติจะสร้างความมั่นใจอย่างแข็งขันให้กับเขา  อย่างไรก็ตาม การวัดเชาว์ปัญญาจะช่วยคลี่คลายความสงสัยต่างๆ  การวัด IQ เช่น WISC-III ซึ่งจะเผยให้เห็นคะแนนที่แบ่งระดับ IQ ทางการแสดงพฤติกรรม  (Performance IQ) ที่ถูกกดต่ำ (10-15 คะแนนหรือมากกว่า) กว่าคะแนน IQ ทางด้านภาษา (Verbal IQ)  ของนักเรียนคนนั้น  ชี้ให้เห็นถึงระบบสมองซีกขวาที่บกพร่อง

มันไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการวินิจฉัยของโรคที่ว่า คะแนนอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างอยู่เหนือระดับคนปกติหรือไม่  จุดมุ่งหมายสำคัญอยู่ที่ความแตกต่างที่เกี่ยวข้องกันระหว่าง VIQ และ PIQ มันเป็นเรื่องปกติที่เด็กที่บกพร่องทางด้านการเรียนรู้ด้านที่ไม่ใช่ภาษา (NLD) จะมี VIQ อยู่ในพิสัยขั้นสูงมาก  เมื่อคะแนนทดสอบย่อยถูกจับกลุ่มกัน  โดยทั่วๆ ไป กลุ่มการใช้ความคิดด้วยถ้อยคำจะมีคะแนนสูงที่สุดสำหรับเด็ก NLD ขณะที่คะแนนกลุ่มเรื่องพื้นที่ว่างจะน้อยที่สุด

ความแตกต่างอาจจะมากถึง 20 คะแนนหรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของความบกพร่องและสติปัญญาของเด็กด้วยเหมือนกัน  รวมทั้งเทคนิคการรับมือซึ่งเธอจัดการได้ลงตัวแล้ว  นี่เป็นเรื่องร้ายแรงและควรใส่ใจขึ้นมาได้ทันทีไม่ว่า IQ เต็มที่ของเด็กจะเป็นเท่าไร  ไม่ใช่เรื่องที่คุณได้กำลังค้นพบว่า  เด็กคนนี้มีสมองซีกซ้ายที่ควบคุมได้เหนือกว่า  แต่เรื่องอยู่ที่ว่า เด็กคนนี้กำลังมีความยุ่งยากในการเข้าถึงกระบวนการที่มีความพิเศษในสมองซีกขวา  โดยทั่วไปแล้วความแตกต่าง 10 คะแนนจะถือว่าเป็นเรื่องต้องให้ความสำคัญ

ทันทีที่เด็กได้รับการวินิจฉัย  คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรจะยอมรับเหตุผลของบรรดามืออาชีพที่หวังดีซึ่งอาจจะบอกว่า  NLD มีบทบาทต่อเด็กเพียงน้อยนิด  เด็กยังคงแสดงออกได้ดีในโรงเรียน  แพทย์และนักจิตวิทยาอาจจะสันนิษฐานว่า  เด็กที่มีทักษะการแสดงออกทางภาษาอย่างเหนือชั้นสามารถชดเชยความบกพร่องทางด้านที่ไม่ใช่ภาษาได้อย่างง่ายดาย  ข้อสมมุติฐานนี้เป็นจริงเพียงในเรื่องที่เกี่ยวกับความสามารถของเด็กในการทำการบ้านที่ท่องจำซ้ำๆ แบบ “นกแก้ว” ในวัยเรียนต้นๆ และไม่ได้บ่งบอกถึงความไม่สามารถของเด็ก NLD ที่จะ “ดำเนินชีวิตให้ราบรื่น”

เมื่อเด็ก NLD ย้ายไปอยู่ชั้นเรียนที่สูงขึ้น  ซึ่งอะไรต่ออะไรจะสะกดได้ออกน้อยลงและน้อยลงสำหรับเขา  เขาจะมาถึงจุดซึ่งการปฏิบัติตนอยู่ในโรงเรียนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้โดยปราศจากการช่วยเหลือเป็นการเฉพาะที่เรียกว่า CAMS นั่นคือ การชดเชย (Compensations)  การทดแทน (Accommodations)  การแก้ไข (Modification) และ กลยุทธ์ (Strategies) ความจำแบบท่องได้ขึ้นใจจนเหลือเชื่อนั้นจะช่วยเหลือเด็ก NLD ได้มากในช่วยวัยเรียนระยะต้น  ก่อนที่เขาจะต้องตีความและประเมินข่าวสารในระยะต่อมา  เขาจะล้มเหลวเมื่อความต้องการทางด้านวิชาการเลื่อนระดับไปสู่ความซับซ้อนมากขึ้น

ที่จุดนี้เขาอาจหยุดความพยายามที่จะประสบความสำเร็จ  เป็นความต้องการที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเขา  แน่นอนว่า การให้ความสำคัญกับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยที่คิดไม่ถึงและการให้ความช่วยเหลือแต่เนิ่นๆ ในช่วงวัยเรียนของเด็กย่อมดีกว่าการคอยจนกระทั่งเด็กเข้าเรียนชั้นมัธยม  แล้วชดเชยความบกพร่องของเขาเมื่อเขาตกต่ำถึงที่สุดจนถึงจุดที่ต้องการพัฒนาให้ดีขึ้น    การปฏิบัติตาม CAMS แต่เนิ่นๆ จะช่วยเพิ่มความสำเร็จในโรงเรียน   ถ้า CAMS ที่เหมาะสมไม่ถูกริเริ่มระหว่างช่วงปีประถมศึกษา  การคาดคะเนความสำเร็จในโรงเรียนสำหรับเด็ก NLD จะเป็นเรื่องที่เลวร้าย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก NLD มีแนวโน้มจะพัฒนาตนเองไปสู่ความหดหู่และ/หรือ ความกระวนกระวาย ถ้าความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านที่ไม่ใช่ภาษาไม่ได้ถูกรับรู้แต่เนิ่นๆ และถูกชดเชยด้วยรูปแบบที่ส่งเสริม  ให้การรับผิดชอบและเอาใจใส่  ถ้าเด็กประเภทนี้ถูกบอกอย่างสม่ำเสมอโดยผู้ใหญ่รอบๆ ตัวว่า  “เธอสามารถทำได้ดีกว่านี้  ถ้าเธอพยายามจริงๆ” หรือ “เธอเพียงแต่ไม่ใส่ใจเอง” (ในกรณีนี้ การสังเกตทั้งสองอย่างนั้นผิด) ระดับความคับข้องใจของเด็กจะเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ  และความรู้สึกเกี่ยวกับภาพพจน์ของตนเองตกฮวบฮาบลง  มันเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็ก NLD ที่จะกลายเป็นคนโดดเดี่ยวเพิ่มขึ้นและถอยห่างขณะที่ความล้มเหลวในโรงเรียนเพิ่มทวีคูณและร้ายแรงขึ้น

ที่จุดนี้  เด็กประเภทนี้อาจจะถูกตำหนิในการเรียนระดับมัธยม  ซึ่งยังมีความบกพร่องของ NLD ระดับประถมที่ยังคงอยู่  เด็กอาจมีปัญหาบกพร่องหลายๆ อย่างผสมอยู่ด้วย เป็นเรื่องปกติสำหรับเด็ก NLD ที่จะมีสภาวะของสมาธิสั้น (ADD) หรือการรบกวนทางอารมณ์ร่วมด้วย

แม้ว่าเด็กประเภทนี้จะถูกวินิจฉัยได้อย่างถูกต้องว่าเป็น  NLD มันยังอาจจะยากสำหรับเขาที่จะได้รับโปรแกรมการแก้ไขและการทดแทนที่เขาต้องการในโรงเรียน  นอกจากนั้น  บางทีเขาอาจจะเรียนได้ดีเหนือระดับในงานวิชาการที่วัดกันอยู่เป็นประจำที่โรงเรียน  โดยเฉพาะในช่วงวัยประถมต้น  แม้ว่าความบกพร่องจะเป็นเรื่องการเคลื่อนไหวหรือกล้ามเนื้อ  การมองเห็นในที่ว่าง  และทักษะทางสังคม เหล่านี้อาจจะเป็นเรื่องที่ชัดเจนต่อบุคคลที่สังเกตและสนใจ  แต่ความบกพร่องเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องก่อให้เกิดความใส่ใจหรือความเห็นอกเห็นใจจากใคร ยกเว้นความใส่ใจมากที่สุดจากบรรดาคุณครู

แปลและเรียบเรียงจาก Servicing Nonverbal Learning Disorders โดย Sue Thompson M.A., C.E. (1996) โดย พรรษชล ศรีอิสราพร

ภาพประกอบบทความหน้าต่าง LD

แบบประเมินคุณภาพสื่อ สสพ.

คุณพอใจกับคุณภาพสื่อข้างต้นมากน้อยเพียงใด
  • พอใจมาก0
  • พอใจ0
  • ปานกลาง0
  • ไม่พอใจ0
  • ไม่พอใจมาก0
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก