การบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านที่ไม่ใช่ภาษา ตอนที่ 3 (Nonverbal Learning Disorders หรือ NLD) (1996) 05/07/2010
การวินิจฉัยการบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านที่ไม่ใช่ภาษา
ขณะที่การบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านภาษาเป็นที่ปรากฎชัดตามปกติแล้วต่อคุณพ่อคุณแม่และนักการศึกษา การบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านที่ไม่ใช่ภาษาถ้อยคำกลับไม่เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไป อาการในช่วงต้นของการบกพร่องทางการเรียนรู้ทางด้านที่ไม่ใช่ภาษาหลายอย่างค่อยๆ ซึมซาบเข้าไปในสมองเป็นความภาคภูมิใจของคุณพ่อคุณแม่และบรรดาคุณครูซึ่งชื่นชมความสำเร็จที่ขึ้นอยู่กับภาษา มากกว่าจะเป็นสัญญาณบอกเหตุ เด็กคนนี้จะพูดจ้อและอาจ “พูดเหมือนผู้ใหญ่” เมื่ออายุสองหรือสามขวบเท่านั้น ในช่วงระยะแรกของวัยเด็ก เขาจะถูกมองโดยคุณพ่อคุณแม่และคุณครูว่า “เป็นเด็กเก่งพิเศษ (gifted)” บางครั้งเด็กที่บกพร่องทางการเรียนรู้ด้านที่ไม่ใช่ภาษาถ้อยคำ (NLD) จะมีประวัติของการเป็น hyperlexia (การอ่านหนังสือที่สามารถจดจำคำได้ดีในช่วงวัยเยาว์) (เด็กที่เป็น hyperlexia จะมีไอคิวปกติหรือเหนือกว่าปกติ และมีความสามารถในการอ่านคำได้ดีเหนือกว่าที่ถูกคาดหวังในระดับอายุและไอคิวนี้ อย่างไรก็ตามเด็กที่เป็น hyperlexia จะมีความยุ่งยากในการเข้าใจคำพูด ประมาณ 5-10% ของเด็กที่เป็นออทิสติกถูกประมาณกันว่า เป็น hyperlexia – จากวิกิพีเดีย) โดยทั่วไปแล้วเด็กคนนี้จะเป็นผู้เรียนที่กระหายใคร่รู้และกระตือรือล้น ซึ่งสามารถจดจำสิ่งต่างๆ ได้ขึ้นใจอย่างรวดเร็ว และเพียงเพื่อเน้นย้ำความคิดที่โตเร็วจนเกินไปของเขา
การพัฒนาของคำศัพท์และคำพูดเป็นพิเศษในช่วงเยาว์วัยนี้มักไม่ได้ถูกสงสัยว่าเป็นวิธีการรับมือของเด็กที่มีความบกพร่องอย่างมากของระบบสมองซีกขวาและการถูกจำกัดความสามารถในกระบวนการที่ไม่ใช่ภาษา เป็นไปได้เหมือนกันที่เด็กที่เป็น NLD จะมีความสามารถผิดปกติในการสามารถสะกดคำออกเสียงได้ถี่ถ้วนมาก แต่มีผู้ใหญ่ไม่กี่คนที่พิจารณาว่า นี่เป็นการสะท้อนถึงการพึ่งพิงเกินไปกับการรับรู้ทางโสตประสาท (แทนที่จะมีการมองเห็นและการสัมผัสร่วมด้วย) เช่นเดียวกัน ทักษะการจดจำจนขึ้นใจได้เป็นพิเศษ ความใส่ใจต่อรายละเอียด และความสามารถตามธรรมชาติในการคิด การพูดและการพัฒนาการอ่านในช่วงเยาว์วัยโดยทั่วไปแล้วไม่ได้เป็นสาเหตุที่จะต้องเดือดร้อนใจ แต่กระนั้นก็ตาม นี่เป็นตัวชี้วัดบางอย่างที่สำคัญในช่วงเยาว์วัยว่า เด็กคนหนึ่งกำลังจะมีความยุ่งยากในความสัมพันธ์และการมีชีวิตอยู่ในโลกที่ไม่ใช่ด้านภาษาถ้อยคำ และเป็นการเตือนอย่างหนึ่งว่า เด็กคนนี้ได้พัฒนาความเชื่อมั่นในด้านการใช้คำพูดของเธอจนเกินไป
ดร. โรร์คและผู้ช่วยของเขาได้พบว่า ความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับ NLD “ปรากฎชัดที่อายุ 7-8 ขวบน้อยกว่า 10-14 ปี” และนั่นก็กลายเป็นว่า “พวกเขามีอาการชัดเจนมากขึ้นเมื่อเข้าใกล้วัยผู้ใหญ่” แม้ว่าเด็กคนนี้จะมีประวัติการเชื่อมประสานกันของอวัยวะที่ไม่ดี และบางทีมีทักษะการใช้กล้ามเนื้อที่เชื่องช้า แต่โดยแบบฉบับแล้วความเกี่ยวพันกับทางวิชาการในช่วงเยาว์วัยจะเกิดจากความจริงที่ว่า เขาทำงานเขียนที่ได้รับมอบหมายให้ไม่เสร็จในระหว่างวัยเรียนช่วงประถมปลาย เด็กคนนี้ทำงานเขียนออกมาได้อย่างจำกัดและกระบวนการที่ทำก็เชื่องช้าและหนักหนาสาหัสสำหรับเขา
เมื่อทักษะสำหรับเรียบเรียงและพัฒนางานเขียนของนักเรียนคนนี้ไม่ก้าวหน้าในอัตราที่คาดหวัง ในที่สุดความเดือดร้อนก็เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ถึงเวลานี้ เด็กคนนี้อาจจะ “ดับเครื่อง” ไปแล้ว หรือกลายเป็นติดล็อคอยู่ในการดิ้นรน และเขาไม่สามารถตอบสนอง รับมือจัดการกับความกดดันทางวิชาการและความปรารถนาของคุณพ่อคุณแม่และคุณครูที่ต้องการให้เขามีการแสดงออกที่เหมาะสม
แง่มุมของการพัฒนาอย่างกว้างๆ สามประการซึ่ง NLD แสดงออกเป็นความไม่สมดุลย์และความผิดปกติคือ 1) ทางกล้ามเนื้อ 2) ทางการจัดระเบียบระหว่างที่ว่างและการมองเห็น และ 3) ทางสังคม ถ้าเด็กคนหนึ่งมีสมองซีกขวาที่ผิดปกติ การบกพร่องเหล่านี้ควรจะมีผู้สังเกตเห็นในช่วงแรกๆ ของวัยเด็กได้อย่างชัดเจนทีเดียว ทั้งๆ ที่พวกเขามีความพยายามอย่างกล้าหาญที่จะชดเชยความบกพร่องนั้น