ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

อดีตครูใหญ่วัย 82 ปี ชาว อ.ด่านซ้าย ปลาบปลื้มหาที่สุดมิได้ มีโอกาสถวายรายงานในหลวง รัชกาลที่ 9

วันที่ลงข่าว: 21/10/16

   นายสนั่น สิงห์สถิต อายุ 82 ปี อยู่บ้านเลขที่ 187/1 ซอยนครวาจา หมู่ 1 ตำบลด่านซ้าย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย อดีตข้าราชการครู บรรจุเป็นครูใหญ่โรงเรียนบ้านหมากแข้ง ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่มีโอกาสได้เฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี อย่างใกล้ชิด เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์ทรงเยี่ยมประชาชนในพื้นที่บ้านหมากแข้ง ซึ่งอยู่ระหว่างการสู้รบของทหารไทยกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์อย่างหนัก ตอนนั้นบ้านหมากแข้งกันดารมาก ไปมาไม่สะดวก ต้องใช้เวลาในการเดินทางเป็นวัน เป็นถนนทางเกษตร มีการต่อสู้ระหว่างทหารไทยและผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ จนชาวบ้านถูกคอมมิวนิสต์ยิงตาย บางคนก็พิการ ทำมาหากินไม่ได้ ชาวบ้านหลบหนีคอมมิวนิสต์ไปอยู่หมู่บ้านไกลออกไป เช่นบ้านตูบค้อ บ้านน้ำเย็น บ้านน้ำหมัน ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย และอำเภอหล่มเก่า จนถึงปัจจุบัน โดยไม่มีส่วนราชการเข้ามาดูแลชาวบ้านเลย

นายสนั่น สิงห์สถิต กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2516 พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรที่บ้านหมากแข้ง ทั้งที่ทราบว่าพื้นที่อยู่ระหว่างการสู้รบ ทำให้รู้สึกตกใจและดีใจมากที่พระองค์เสด็จฯ ได้แต่ภาวนาให้พระองค์ปลอดภัย จนเฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่สนามด้วยความปลอดภัย โดยมีข้าราชการผู้ใหญ่เข้าเฝ้าฯ ถวายรายงาน และมีตนเองอยู่ด้วย พระองค์ทรงห่วงใยความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ตรัสถามผู้ใหญ่บ้านว่า "ชาวบ้านอยู่กันอย่างไร ในหมู่บ้านใช้น้ำกันที่ไหน น้ำอยู่ไกลหมู่บ้านไหม หมู่บ้านนี้ตั้งมานานนับร้อยปีใช่ไหม ทำไมชาวบ้านจึงอพยพไปอยู่ที่อื่น" จึงทูลตอบพระองค์ไป จากนั้นจึงเสด็จฯ ไปยังโรงเรียนบ้านหมากแข้ง ซึ่งเป็นที่ประทับชั่วคราว ชาวบ้านได้นำสิ่งของมาถวาย แล้วพระองค์ตรัสกับประชาชนที่เข้าเฝ้าฯ ว่า "สวัสดีนะจ๊ะ สวัสดีนะจ๊ะ" และตรัสถามชาวบ้านรายหนึ่งว่า "ลูกหลานกินข้าวกันหรือยัง มีอะไรกินไหม เวลาเจ็บป่วยหาหมอที่ไหน" นับเป็นความปลาบปลื้มหาที่สุดมิได้ ที่ครั้งหนึ่งมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิด ทรงใช้เวลาเยี่ยมพสกนิกรอยู่กว่า 1 ชั่วโมง จึงเสด็จฯ กลับ

จากเหตุการณ์ดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบันนี้ นับเป็นเวลา 43 ปี ที่ชาวอำเภอด่านช้าย จังหวัดเลย ยังมิอาจลืมเลือนความทรงจำ ความปลาบปลื้มดังกล่าวได้ และนับวันจะทวีคูณยิ่งล้น จึงร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ พร้อมตั้งมั่นจะเดินตามรอยพ่อหลวงพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักของประชาชน ด้วยการยึดมั่นทำคุณประโยชน์เพื่อแผ่นดิน นับว่าเป็นความโชคดีอย่างยิ่งของปวงชนชาวไทย ที่ได้เกิดมาใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช "ไม่เคยคิดว่าในชีวิตจะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดอย่างนี้ เวลาที่ล่วงเลยมาแล้ว 43 ปี ยังคงจดจำอยู่ในใจ รู้สึกรักและขอเทิดทูนพระองค์ท่านไปจนวันตาย"

ที่มาของข่าว สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก