ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

รัฐเตรียมแนวทางแก้ปัญหาผู้ด้อยโอกาสผลกระทบจากเออีซี

วันที่ลงข่าว: 28/01/15

รัฐห่วงผู้ด้อยโอกาสเพิ่มขึ้น ได้แก่ เด็ก แรงงาน ผู้สูงวัย กลายเป็นผู้ด้อยโอกาสใหม่หลังเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

นางขนิษฐา กมลวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพิทักษ์ผู้ด้อยโอกาส สำนักงานส่งเสริม สวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท) เปิดเผยว่า เมื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน มีแนวโน้มว่าจำนวนผู้ด้อยโอกาสของไทยจะเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เนื่องจากคนกลุ่มใหม่ที่เดิมเป็นคนปกติในสังคมจะ กลายเป็นผู้ด้อยโอกาสใหม่ด้วย

“ความยากจนคือปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดผู้ด้อยโอกาส เพราะคนเหล่านี้คือผู้ที่ขาดแคลน เงินไปซื้อสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ที่ควรจะได้รับ และมักเป็นกลุ่มคนในหลืบที่เข้าไม่ถึงข้อมูล ยิ่งเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จะมีคนได้รับผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจลักษณะนี้มากขึ้นและรุนแรงขึ้น” นางขนิษฐากล่าว

 

ปัจจุบันไทยมแบ่งผู้ด้อยโอกาสออกเป็น ๕ กลุ่ม มีจำนวนรวมกันไม่ต่ำกว่า ๘-๙ ล้านคน ได้แก่ คนยากจน คนเร่ร่อน ผู้ที่มีปัญหาสถานะทางกฎหมาย ผู้ติดเชื้อเอชไอวี และครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ และผู้พ้นโทษ โดยกลุ่มประชากรมากที่สุดคือคนยากจน ประมาณ ๗ ล้านคน ผู้ติดเชื้อกว่า ๓ แสนคน และผู้มีปัญหาสถานะทางกฎหมาย ๒ – ๓ แสนคน

เมื่อเข้าสู่อาเซียน จะมีคนไทยที่ขาดโอกาส จนกลายเป็นผู้ด้อยโอกาสใหม่ อันเนื่องมาจากการถูกเลือกปฏิบัติ ไม่ได้รับความเสมอภาค และการเคารพในศักดิ์ศรี ตัวอย่างของประชากรกลุ่มนี้ สำหรับคนไทย เช่น เด็กและบัณฑิตจบใหม่ที่มีทักษะภาษาต่างประเทศสู้คนจากประเทศเพื่อนบ้านและคนในประเทศที่มีทักษะสูงกว่าไม่ได้ ประชาชนวัยแรงงานในธุรกิจต่าง ๆ ที่ถูกแย่งงานจนกลายเป็นคนว่างงาน ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้รับบริการสุขภาพอย่างทั่วถึงเนื่องจากแพทย์และพยาบาลเดินทางไปทำงานต่างประเทศ กลุ่มผู้สูงอายุ ๖๑-๖๕ ปี ที่ยังต้องการทำงาน อาจไม่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเพราะมีคนงานจากอาเซียนเพิ่มมากขึ้น

นางขนิษฐา กล่าวถึงแนวทางการแก้ไข ป้องกัน และจัดการปัญหาผู้ด้อยโอกาสใหม่นั้น ทางสำนัก ฯ จะต้องบูรณาการงานกับแต่ละกระทรวงมากขึ้น เช่น ต้องบูรณาการกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อลดจำนวนผู้ด้อยโอกาสที่ใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้ ขณะที่กลุ่มแรงงานก็จะบูรณาการกับกระทรวงแรงงานเพื่อให้เกิดการพัฒนาทักษะฝีมือและทักษะภาษาให้แข็งแกร่งพอจะเลี้ยงตัวเองได้

ที่มาของข่าว www.dlfeschool.in.th/ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก