การช่วยเหลือเด็กที่บกพร่องทางการเรียนรู้ให้เข้าใจสิ่งที่อ่าน ตอนที่ 4
กลยุทธ์การสร้างความเข้าใจอย่างเฉพาะเจาะจง
กุญแจ อย่างหนึ่งที่จะสร้างความเข้าใจคือ นักเรียนต้องกระตือรือร้นในการอ่าน บ่อยครั้งที่นักเรียนกลอกตาดูไปตามบรรทัดตัวอักษรและไล่เลียงไปจนถึงจุดจบ ของหน้าแล้วคิดว่า พวกเขาได้ “อ่าน”
เนื้อหาไปแล้ว กระบวนการดูไปตามตัวหนังสือนี้ไม่ใช่ “การอ่าน” การสร้างความเข้าใจในการอ่านคือกระบวนการที่มีชีวิตชีวาที่จำเป็นต้องให้ผู้ อ่านเข้ามามีบทบาท ในฐานะผู้อ่านคุณจับความหมายได้โดยการคิดไปด้วยขณะที่มีการกระทำของการอ่าน จากความรู้ที่คุณอ่านนั้นยังก่อให้คุณเกิดความคิดและมโนภาพต่างๆในกิจกรรม การอ่าน
การอ่านต้องมีเป้าหมาย การอ่านต้องมีชีวิตชีวา ผู้อ่านสามารถอ่านหนังสือเพื่อเรียนรู้ เพื่อรับข่าวสาร หรือเพื่อการบันเทิง จุดประสงค์ที่แตกต่างกันเหล่านี้ต่างต้องการรูปแบบกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน ขณะที่มีลักษณะธรรมดาสามัญที่เหมือนกัน คือ
- ผู้อ่านจำเป็นต้องเข้าใจความหมายของคำในเนื้อหา
- ผู้อ่านจำเป็นต้องมีเทคนิคที่จะสร้างความจำในสิ่งที่พวกเขาเข้าใจ
- ผู้อ่านจำเป็นต้องใช้ความเข้าใจของเขาเอง
เทคนิคการจำ (Mnemonics)
เทคนิคการจำต่อไปนี้เป็น เทคนิคการสรุปความซึ่งจะช่วยให้ผู้อ่านตรวจสอบความเข้าใจของเขาในขณะที่ อ่าน และเป็นเครื่องมือที่ช่วยเขาให้เรียบเรียงข้อมูล การเรียบเรียงข้อมูลนี้จะช่วยให้เขาสร้างความจำในสิ่งที่เขาเข้าใจ เครื่องมือที่เขาพัฒนานี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อเขากลับมาทบทวนเนื้อหา หรือเมื่อต้องการแบ่งปันความเข้าใจกับคนอื่น มันจะช่วยให้เขา “เก็บ” ความได้ดี
ในกลยุทธ์ต่อไปนี้ ในแต่ละตัวอักษรจะแทนแต่ละขั้นตอนที่เด็กๆควรปฏิบัติ ให้แน่ใจว่าได้ช่วยให้เด็กๆของคุณเข้าใจแต่ละขั้นตอนที่แยกกันนั้น แล้วแสดงให้เด็กๆของคุณเห็นแต่ละขั้นตอนที่ประกอบกันขึ้นมาจากเทคนิคการจำ อธิบายว่า เขาสามารถใช้เทคนิคการจำในฐานะที่บอกเป็นนัยในการจำหรือการกระตุกความคิดใน แต่ละขั้นตอน
แง่มุมที่สำคัญอย่างหนึ่งเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการสร้าง ความเข้าใจคือ บ่อยๆ ที่นักเรียนต้องการตัวอย่างและการอธิบายอย่างมหาศาล คุณจำเป็นต้องอธิบายแต่ละขั้นตอนอย่างสมบูรณ์และแสดงวิธีการใช้ขั้นตอนนั้นๆ ให้เด็กซึ่งก็คือ การให้ตัวอย่างกับเด็กๆ เด็กๆ บางคนต้องการการอธิบายหลายๆครั้งก่อนที่พวกเขาจะสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เด็กๆบางคนเห็นกลยุทธ์สองสามครั้งก็สามารถใช้ขั้นตอนเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง ทันที เด็กบางคนต้องการการเตือนหรือบอกเป็นนัยแต่บางคนก็อาจจะไม่ต้องการ ไม่มีวิธีที่ถูกหรือผิดที่จะเรียนรู้กลยุทธ์นี้ เด็กบางคนก็เพียงต้องการเวลาในการเรียนรู้มากขึ้น
เมื่อนักเรียน เริ่มใช้กลยุทธ์เหล่านี้ได้อย่างคงที่แล้ว พวกเขาจะพบว่า สามารถจะตรวจสอบความเข้าใจของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การใช้กลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยให้นักเรียนใคร่ครวญคำถามได้อย่างต่อเนื่องเช่น
- ฉันเข้าใจสิ่งที่ฉันอ่านไหม
- ฉันจะสามารถจดจำได้อย่างไร
- มันมีเหตุผลเหมาะสมไหม
นักเรียนยังสามารถผสมผสานกลยุทธ์เข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น พวกเขาอาจจะอยากใช้กลยุทธ์การจดจำผสมผสานกับกลยุทธ์การเรียบเรียงเป็นภาพ หรือการวาดรูป
เทคนิคการจดจำเกี่ยวโยงกับความเข้าใจในการอ่าน รวมไปถึง
-
เทคนิคการจดจำสำหรับการชมเนื้อหาก่อน
- TP
- TELLS
-
เทคนิคการจดจำที่ใช้ระหว่างการอ่าน
- RCRC
- SQ3R
TP
เทคนิคการจดจำนี้เป็นเครื่องเตือนใจสำหรับนักเรียนที่จะใช้กลยุทธ์การชมโดยทั่วๆไป เพื่อกวาดตาดูโครงสร้างของหนังสือก่อนเริ่มต้นอ่าน
T แทนคำว่า “Textbook structure” หรือโครงสร้างของหนังสือ
ให้ นักเรียนดูที่หัวข้อแต่ละบท ตัวหนังสือใต้ภาพและกราฟต่างๆ ดรรชนีหัวข้อเรื่อง ภาคผนวก ตัวพิมพ์หนา คำนิยามศัพท์ต่างๆ และคำถามตอนจบบท
P แทนคำว่า “Paragraph structure” หรือโครงสร้างย่อหน้า
ให้ นักเรียนวิเคราะห์ว่าแต่ละย่อหน้าเรียบเรียงขึ้นมาอย่างไรภายในบทนั้นๆ ให้ค้นหาประโยคเริ่มต้นหรือประโยคหลักในแต่ละย่อหน้าเพื่อระบุว่า โดยทั่วไปแล้วมันจะอยู่ที่เริ่มต้นของย่อหน้า ต่อไปให้หาคำสำคัญต่างๆและการจบย่อหน้า
ข้อสรุปของ TP นั้นเพื่อให้นักเรียนลองทายความหมายของแต่ละย่อหน้าโดยใช้การวิเคราะห์โครง สร้าง ให้แน่ใจว่านักเรียนของคุณอ่านเพื่อแยกแยะความถูกต้องในการทายและนักเรียน ของคุณแยกแยะและตัดสินได้อย่างเป็นระบบ
TELLS
กลยุทธ์ การจดจำวิธีนี้เป็นวิธีการเรียบเรียงสำหรับนักเรียนที่จะชมโครงสร้างของ เรื่องก่อน ไม่ว่าจะเป็นนวนิยายหรือสารคดี มีห้าขั้นตอนในกลยุทธ์นี้
T แทนคำว่า Title หรือ ชื่อเรื่องหรือชื่อหนังสือ – ให้นักเรียนของคุณมองหาเงื่อนงำเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
E แทนคำว่า Examine หรือสำรวจ – ให้นักเรียนของคุณสำรวจเรื่องราวจากภาพและคำพูดที่เป็นเงื่อนงำที่จะช่วยความเข้าใจ
L แทนคำว่า Look หรือมอง – ให้เด็กของคุณมองที่คำหรือรูปภาพที่สำคัญ คุณอาจจะอยากอภิปรายเรื่องเหล่านี้
L แทนคำว่า Look up หรือค้นหา – ให้เด็กของคุณค้นหาคำยากที่อาจจะไม่รู้จักและช่วยเขาให้ใช้กลยุทธ์การเปล่งเสียงสะกดออกมาดังๆ
S แทนคำว่า Setting หรือการจัดฉาก – ให้เด็กของคุณแยกแยะสถานที่และเวลาว่าเรื่องเกิดขึ้นเมื่อใด
ตอนนี้นักเรียนของคุณก็ได้ชมเรื่องก่อนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเรื่องซึ่งเขาสามารถจะผสมข้อมูลเข้าไปในขณะที่เขาอ่าน
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
โดย พรรษชล ศรีอิสราพร ส่วนสื่อการศึกษาเพื่อคนพิการ ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา