การช่วยเหลือเด็กที่บกพร่องทางการเรียนรู้ให้เข้าใจสิ่งที่อ่าน ตอนที่ 2
Chunking เป็นคำศัพท์ทางภาษาคอมพิวเตอร์ที่มีความหมายถึง “การจัดการจำนวนก้อนข้อมูล” มีความหมายถึงการแตกงานหรือข้อมูลออกเป็นก้อนที่เล็กลงให้สามารถจัดการได้ ง่ายขึ้น มีหลายวิธีที่ใช้การจัดการก้อนข้อมูลให้เล็กลงในการทำการบ้าน
สมมติว่า นักเรียนคนหนึ่งบ่นเรื่องงานที่ถูกมอบหมายให้ทำเช่นว่า “บทนี้ยาวเกินไป ไม่น่าจะอ่านเลย”
- เริ่มแรก ให้ยอมรับความรู้สึกของพวกเขาด้วยประโยคเช่นว่า “เธอพูดถูก บทนี้ยาวไป มันอาจต้องการพลังใจมากหน่อย แต่ลองคิดดูว่า เธอจะภูมิใจในตัวเองมากขนาดไหนเมื่อเธออ่านจบ แล้วอย่าลืมคิดว่า มันจะช่วยเธอให้ได้เกรดที่ดีเวลาเปิดอภิปรายหรือในการสอบ”
- จากนั้น ทำการช่วยนักเรียนต่อไปด้วยการแบ่งกิจกรรมย่อยลงให้สามารถจัดการกับข้อมูล ได้ ตัวอย่างเช่น ตกลงใจให้แน่วแน่ว่า อีกกี่วันจึงจะสามารถอ่านได้จบสมบูรณ์โดยการแบ่งงานเป็นจำนวนข้อมูลย่อยๆ
- ถ้าจำนวนข้อมูลยังใหญ่เกินไป ให้แบ่งจำนวนข้อมูลแต่ละจำนวนให้ย่อยเล็กลงมากขึ้น เพื่อให้อ่านจบ
- ให้นักเรียนอ่านเพียงจำนวนข้อมูลเดียวเท่านั้นก่อนจากนั้นจึงใช้กลยุทธ์ที่เป็นรูปธรรมสรุปย่อสิ่งที่เขาอ่าน
- แล้วให้เขาอ่านข้อมูลอีกก้อนหนึ่ง แล้วให้เขาสรุปย่ออีก
- หลังจากอ่านข้อมูลจำนวนทั้งหมดแล้ว ให้นักเรียนรวบรวมสรุปย่อทุกอันเข้าด้วยกัน แล้วใช้บทสรุปนั้นทบทวนแต่ละบท
- นักเรียนสามารถจัดเก็บและเรียบเรียงข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการจัดการกับข้อมูลจำนวนเล็กๆ
- ช่วยให้นักเรียนของคุณมีความซาบซึ้งในแง่มุมที่สำคัญของกระบวนการจัดการข้อมูล
- นักเรียนสามารถจัดเก็บและเรียบเรียงข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการจัดการกับข้อมูลจำนวนเล็กๆ
- ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นจากก้าวย่างเล็กๆเพียงก้าวเดียว
- มันเป็นก้าวย่างเล็กๆที่นำไปสู่ความสำเร็จที่ใหญ่ขึ้น
การเรียบเรียงข้อมูลเป็นภาพ
นักเรียนส่วนมากซึ่งดิ้นรนกับการอ่านและการเขียน และแม้แต่นักเรียนซึ่งหลีกเลี่ยงการอ่านการเขียนด้วยเหตุผลอื่นๆมักจะมอง เป็นภาพในกระบวนการรับรู้ข้อมูล ดังนั้น การนำทักษะการมองเห็นเหล่านั้นมาใช้สามารถจะเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่ออ่าน เพื่อทำความเข้าใจ
การมองให้เป็นภาพ
การมองให้ เป็นภาพเป็นกระบวนการซึ่งนักเรียนจะสร้างภาพที่มองเห็นในทางใจเพื่อโต้ตอบ ต่อความคิดที่เขากำลังฟังอยู่หรือกำลังอ่าน การมองเป็นภาพถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่จะช่วยนักเรียนมากมายให้เข้าใจ เนื้อหา มันช่วยให้การอ่านมีชีวิตชีวาและช่วยให้ “ติดหนึบ” กับข้อมูล
เพื่อ สนับสนุนการมองให้เป็นภาพ ลองให้นักเรียนของคุณหลับตาลงและจินตนาการวัตถุธรรมดาสามัญ แล้วให้เด็กๆอธิบายเป็นคำพูดหรือวาดในสิ่งที่จินตนาการ
ทันทีที่เธอ เข้าใจกระบวนการ คุณอาจจะเลื่อนไปก้าวต่อไป คุณอาจจะอ่านประโยคสักหนึ่งประโยคแล้วบอกเธอให้พัฒนาการมองเห็นให้เป็นภาพ โดยการถามคำถามอย่างละเอียด ตัวอย่างเช่น คำถามที่อาจจะถามต่อจากประโยคนี้ “เด็กผู้หญิงคนหนึ่งรีบวิ่งอ้าวไปตามถนน” คือ
- ลักษณะถนนเป็นอย่างไร
- เธอคิดอย่างไรกับการที่เด็กผู้หญิงวิ่งไปตามถนน
- เด็กผู้หญิงคนนี้ตัวขนาดไหน
- เด็กผู้หญิงคนนี้สวมชุดอย่างไร
- เสื้อผ้าของเธอสีอะไร
- เธอคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนี้กำลังคิดหรือรู้สึกอย่างไรในขณะที่กำลังวิ่ง
- เป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน อะไรที่ทำให้เธอสรุปภาพในหัวเป็นเช่นนั้น
ให้ การสนับสนุนว่า ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิดและแต่ละคนก็มีการสร้างภาพการมองเห็นที่แตกต่างกัน ไป แง่มุมที่สำคัญคือ สามารถที่จะอธิบายได้ว่าทำไมคุณจินตนาการเช่นนั้น เช่น ถ้าเด็กผู้หญิงตัวเล็ก คุณใช้อะไรเป็นการบอก
การเพิ่มการใช้ตาที่ใจของนักเรียนจะช่วยเพิ่มความเข้าใจ มีกลยุทธ์หลายอย่างที่เป็นเครื่องมืออันเป็นประโยชน์ให้บรรลุผลสำเร็จนี้
อีก วิธีการหนึ่งที่จะแสดงข้อมูลให้เป็นภาพก็คือ ให้เด็กวาดรูปแสดงสิ่งที่เขาอ่าน เด็กๆมากมายอาจพบวิธีการนี้ทดแทนคำและเรื่องราวด้วยภาพ จากการสร้างภาพนี้จะช่วยให้ความหมายและความเชื่อมโยงระหว่างบุคคลและ เหตุการณ์ในสิ่งที่อ่านชัดเจนขึ้น
การเรียบเรียงเป็นภาพ
รูปแบบที่เลือกจะเป็นประโยชน์มากถ้าเข้ากันได้กับแบบอย่างข้อมูลที่นักเรียน กำลังอ่าน มีวิธีการสามวิธีซึ่งอาจใช้การเรียบเรียงดังนี้คือ
- ก่อนอ่าน- ก่อนเริ่มอ่าน ให้สร้างรูปแบบการเรียบเรียงของส่วนเริ่มต้น แล้วระหว่างการอ่าน ให้เพิ่มรายละเอียดเพิ่มเติม
- ขณะกำลังอ่าน- ให้สร้างรูปแบบการเรียบเรียงการใช้ข้อมูลอย่างที่ปรากฏ
- หลังจากอ่านเสร็จ- ให้สร้างรูปแบบการเรียบเรียงเพื่อสรุปข้อมูล
โดย พรรษชล ศรีอิสราพร ส่วนสื่อการศึกษาเพื่อคนพิการ ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา