ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ลักษณะชั้นเรียนของนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ควรเป็นอย่างไร ตอนที่ 1

โดย เคท การ์เนท (2010)

สภาพแวดล้อมของชั้นเรียนโดยทั่วไปที่ตอบสนองต่อความแตกต่างและความต้องการ ของนักเรียนแต่ละคนเป็นอย่างไร  คุณครูปรับเปลี่ยนรูปแบบขององค์ประกอบในชั้นเรียนให้พร้อมมากน้อยแค่ไหน  คุณครูตระเตรียมและปรับวิธีการสอนอย่างไร

สภาพชั้นเรียนตามปกติ สามารถมีผลกระทบต่อนักเรียนจำนวนมากมายในทางก่อให้เกิดผลเสียในระดับหนึ่ง  ในคราวใดคราวหนึ่งก็ได้ และไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง  แต่นักเรียนบางคนจะอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อเรื่องบางเรื่องในชั้นเรียน  เช่น ความยากจนของเด็กร่วมชั้น  ผู้ที่ไม่ใช่คนพื้นถิ่นหรือไม่พูด ภาษาถิ่น  คนที่สมาธิสั้น  นักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้จะเป็นผู้ที่อ่อนไหวมากที่สุด คือมีความเสี่ยงอย่างรุนแรงที่จะ “ไม่เรียนรู้” ภายในสภาพแวดล้อมที่กล่าวมาแล้ว  จากปัญหาทางสังคมและวิชาการในระยะยาวจะเป็นประสบการณ์ในชั้นเรียนที่มีผล กระทบข้างเคียงที่ลดทอนโดยตลอดชีวิต

ในหลายสถานการณ์ชั้นเรียนอาจกลายเป็นสถานที่ต้องระวังสำหรับนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้  ควรจำไว้ว่า

แออัด

ชั้น เรียนที่มีสภาพแวดล้อมที่แออัด  จัดชั้นเรียนทั่วไปที่มีนักเรียนในระดับมากสุด  ไม่ให้การสังเกตการณ์นักเรียนอย่างใกล้ชิด  การเป็นสมาชิกอยู่ในกลุ่มที่แออัดถือเป็นเรื่องอันตรายสำหรับการเรียนรู้ของ คีชา  ในที่สุดเธอลาออกไปทำงานช่างไม้

วุ่นวาย

สถาน ที่วุ่นวายเต็มไปด้วยปฏิกิริยาที่วูบวาบ  การโต้ตอบทางคำพูดที่รวดเร็วทำให้แดนเกิดความรู้สึกสับสนเข้าใจผิดตกหล่น อยู่ในใจเสมอ และเขารู้สึกเหมือนการคำถามนั้นเป็นเหมือนคนโง่

บีบคั้นด้วยเวลา

นัก เรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้แทบจะไม่สามารถทำงานได้ตามเวลา  ส่วนใหญ่จะต้องถูกบีบคั้นด้วยเวลานาฬิกา  และแม้จะถูกกดดันด้วยเวลา  แต่เวลาส่วนใหญ่ของนักเรียนในชั้นเรียนก็จะเสียไปกับการรอคอยหรือการถูกขัด จังหวะ  ช่วงเชื่อมต่อทางความคิดและการถูกขัดจังหวะทางการรับรู้ทำร้ายนิโคลัสใน เรื่องการรับรู้ที่อ่อนแออยู่แล้วในเรื่องเวลาและเรื่องพื้นที่ว่าง (space) หรือระยะและทิศทาง   ความคับข้องใจของเขาเกิดขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อเขาสูญเสียความสามารถที่จะควบ คุมเรื่องเวลาและรับรู้เรื่องพื้นที่ว่าง (space) หรือระยะและทิศทาง  ที่แย่มากกว่านั้นคือ  เขาเชื่อว่าคุณรู้สึกพอใจทันทีที่เขาทำงานได้ไม่สำเร็จ

เวทีสาธารณะสำหรับนักเรียน

สำหรับ ความคิดของนักเรียนแล้ว  ชั้นเรียนก็เหมือนกับเวทีประลองสาธารณะ  ไฟสปอตไลท์ซึ่งก็คือความสนใจของผู้คนสามารถทำให้เห็นความล้มเหลวหรือความมี คุณค่าของเด็กได้ทุกเวลา  สร้างความชัดเจนให้เห็นอย่างเป็นทางการ  โจซีได้ประสบการณ์เรื่องไฟสปอตไลท์จากความสนใจของผู้คนว่าเป็นเรื่องน่าอาย  แม้ว่าคุณจะไม่มีเจตนาเช่นนั้น  ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกต่อไปว่า อะไรก็ตามที่กระทำจะเป็นความตั้งใจ “สอน” เขา  การหลีกเลี่ยงการเปิดเผยตัวก็จะกลายเป็นนิสัยของเขาและไม่มีความเต็มใจที่จะ พยายามทำอะไร

อาณาเขตส่วนตัวสำหรับครู

สำหรับ คุณครูแล้ว  ชั้นเรียนก็เหมือนกับอาณาเขตส่วนตัว  แทบจะไม่ถูกล่วงล้ำในเรื่องการสังเกตการณ์ใดๆ จากผู้ใหญ่คนใด  ความเป็นส่วนตัวของอาณาเขตของคุณครูจะจำกัดว่าเกิดอะไรขึ้นในชั้นเรียน  แต่ถ้ามีผู้ใหญ่หลายคนมาดูก็จะเห็นจากหลายมุมมองขึ้น อาจจะสังเกตว่า แดเนียล มีพลังสมาธิดีเป็นพิเศษ  ยกเว้นระหว่างการอ่านหรือการสะกดตัว  เมื่อเขาบกพร่องในเรื่องสมาธิและมีปัญหาด้านความประพฤติ

ครูผู้พูด

การ พูดของครูจะมีอิทธิพลครอบงำชั้นเรียน โดยเฉพาะเวลาที่ครูสอน  การพูดของนักเรียนจะมีน้อยโดยเฉพาะเวลาการสอนของครู  เพื่อจะทำความเข้าใจและจดจำขอบเขตเนื้อหาข้อมูล  ทั้งแดนและโจซี่จำเป็นต้องพูดให้มาก  นำเสนออย่างเป็นระบบ  ฝึกฝนและใช้คำพูดกล่าวตามขั้นตอนของชิ้นงานที่เรียนออกมา  พวกเขาจำเป็นต้องพูดขณะเมื่อคุณครูของเขาเชื่อว่า พวกเขาควรจะ “ทำงาน” อย่างเงียบๆ  ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังต้องการคำแนะนำว่าจะทำได้อย่างไร

การสอนทั้งกลุ่ม

การ สอนในชั้นเรียนต้องสอนทั้งกลุ่ม  ติดตามด้วยงานในชั้นเรียนจำนวนมากที่ต้องคอยควบคุมอย่างหลวมๆ  เมื่อไม่มีการแลกเปลี่ยนโต้ตอบในชั้นเรียนกันบ่อยๆ คีชาและนิโคลัสก็ถูกทิ้งไม่เป็นที่สนใจในการแบ่งกลุ่มการเรียนการสอน และงานที่ให้ในชั้นเรียนที่ครูจะให้คำปรึกษา

กิจกรรมกลุ่มสนใจ

จุด สนใจในการเรียนการสอนส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับการมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม  คุณครูจะแสดงออกว่าพอใจเมื่อ “ทุกอย่างไปได้ดี” ส่วนนักเรียนก็เพลิดเพลินกับการทำกิจกรรม  เมื่อจุดสนใจของคุณครูอยู่ที่การลื่นไหลของกิจกรรม  มันก็เป็นเรื่องคลุมเครือที่โจซี่รู้อย่างผิวเผินเท่านั้น  ไม่ได้เรียนรู้มากมาย  เขารู้สึกตื่นตระหนกที่ต้องเกี่ยวพันกับแง่มุมของกิจกรรมที่เขาไม่ถนัด  เป็นที่สังเกตว่า โจซี่ชอบการทำตามมากกว่า

ตรวจสอบความก้าวหน้า

การ ตรวจสอบผลการเรียนของนักเรียนบ่อยๆ แต่ไม่สม่ำเสมอ  ทำให้การสืบค้นความเข้าใจของนักเรียนแต่ละคน  การทำฟีดแบคทางการเรียนการสอนหรือการตรวจสอบความก้าวหน้าของแต่ละคนเป็น เรื่องยาก  มันเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่จะให้ฟีดแบคที่ถูกต้องแก่แดนเมื่อเขาฝึกการอ่านคำ ต่างๆและติดตามความก้าวหน้าในการอ่านคำของเขาทุกสัปดาห์  เนื่องจากมีความก้าวหน้าช้ากว่าปกติ ทั้งแดนและครูจำเป็นต้องเห็นร่องรอยที่เป็นจริงของการเรียนรู้เพื่อจะได้คง มีแรงจูงใจเรียนต่อไป

โดยทั่วไปความต้องการโดยเฉพาะของนักเรียนเหล่า นี้ในชั้นเรียนส่วนใหญ่มักไม่ได้รับความใส่ใจที่เพียงพอเหมือนอย่างที่ บัญญัติกันไว้เป็นกฎหมาย  ลักษณะของชั้นเรียนมักธรรมดาและเป็นศูนย์กลาง ไม่พร้อมเพรียงกัน เต็มไปด้วยกิจกรรม  การแลกเปลี่ยนโต้ตอบ  และความต้องการการเรียนรู้ของพวกเขาที่คงที่สม่ำเสมอ  ขณะที่เป็นไปได้ว่าจะปรับปรุงชั้นเรียนใหม่ให้มีลักษณะตอบสนองกับแดน โจซี่ นิโคลัสและคีชาอย่างมีประสิทธิภาพ  มีอุปสรรคมากมายต่อการเปลี่ยนแปลงนี้  อาจมีการสรุปว่า  “ยังไม่เห็น” ว่าลักษณะชั้นเรียนโดยเฉพาะมีผลโดยตรงอย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นและไม่เกิดอะไร ขึ้นโดยตลอดวันที่โรงเรียน  และที่สำคัญ การเปลี่ยนแปลงในลักษณะเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงให้ชั้นเรียนมีพลังและเป็น ที่เรียนรู้ได้อย่างไร

(โปรดติดตามตอนต่อไป)
 

แปลและเรียบเรียงจาก What Are Classrooms Like for Student with Learning Disabilities? By Kate Garnett (2010)
โดย พรรษชล ศรีอิสราพร ส่วนสื่อการศึกษาเพื่อคนพิการ ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา

ภาพประกอบบทความหน้าต่าง LD

แบบประเมินคุณภาพสื่อ สสพ.

คุณพอใจกับคุณภาพสื่อข้างต้นมากน้อยเพียงใด
  • พอใจมาก0
  • พอใจ0
  • ปานกลาง0
  • ไม่พอใจ0
  • ไม่พอใจมาก0
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก