คุณสมพร สายกลิ่น กล่าวว่า ตัวคนพิการต้องหาสิ่งที่ตนเองชอบ เช่น เล่นกีฬา เล่นดนตรี ชอบวาดรูป เป็นต้น พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องให้การสนับสนุนในสิ่งที่ตัวคนพิการสนใจเพื่อให้เด็กไม่เก็บตัวเงียบคนเดียว ไม่เศร้าหมอง เป็นการทำให้มีภูมิต้านทานที่ทำให้จิตใจเข้มแข็ง มีร่างกายที่แข็งแรง
           ประโยชน์ของดนตรีส่วนที่หนึ่งเป็นการกระตุ้นร่างกายกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ เพิ่มพัฒนาการ การสร้างสมาธิ ส่วนที่สองคือ เรื่องของจิตใจ เห็นคุณค่าของตัวเอง มีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น และประโยชน์ทางอ้อมในส่วนของเด็กออทิสติกที่เล่นดนตรีเก่ง ๆ ทำให้ได้ความสามารถเฉพาะตัว หากได้ฝึกตั้งแต่เล็ก ๆ โตขึ้นสามารถประกอบอาชีพได้ ซึ่งคนพิการหางานค่อนข้างยาก หากเล่นดนตรีได้ตั้งแต่แล็ก ๆ โตขึ้นสามารถเล่นดนตรีโดยไม่ต้องหางาน สามารถสอนดนตรีให้รุ่นน้อง เปิดโรงเรียนสอนดนตรีและสามารถต่อยอดเป็นสอนแต่งเพลง เขียนเพลงได้ สามารถทำให้ออกไปสู่สังคมได้
            หลักการสอนดนตรีให้กับเด็กพิการ/คนพิการ เริ่มจากเจอเด็กคนหนึ่งพิจารณาก่อนว่ามีความสามารถด้านใด ก่อนอื่นต้องสร้างความมั่นใจก่อนว่า เด็กทุกคนไม่ว่าจะพิการหรือไม่พิการ สามารถเรียนได้ หลังจากนั้นคิดหาวิธี ทฤษฎีต่าง ๆ เขียนลงกระดาษ และดูว่าเด็กแต่ละคน แต่ละประเภทต้องสอนอย่างไร เด็กพิการทางด้านร่างกายส่วนใดขยับได้ เด็กพิการทางสติปัญหาต้องเริ่มจากอะไร ส่วนตัวแล้วจะให้เขาสนุกกับกิจกรรมก่อน ไม่มีทฤษฎีตายตัว เพราะเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผมจะสังเกตและวิเคราะห์ก่อนว่า คนนี้เป็นอย่างไร คนนั้นต้องการอะไร เจอกันครั้งแรกเขาอาจจะไม่สนใจต้องหาก่อนว่าเขาชอบอะไร ยกตัวอย่าง เด็กสติปัญญามาวันแรกแม่พามาเด็กไม่เอาอะไร ร้องจะกลับบ้านอย่างเดียว ดึงแขนผู้ปกครอง ต้องถามผู้ปกครองว่าน้องชอบอะไร ต้องทำการศึกษาก่อนว่าเด็กเป็นอย่างไร นิสัยใจคอ จนรู้ว่าน้องชอบทะเล เมื่อได้ข้อมูลจึงทำการวางแผนและออกแบบการสอน โดยการวาดรูป ปลา หอย เพื่อให้เด็กสนใจ แล้วนำสิ่งเหล่านั้นดึงดูดความสนใจของเด็กให้เล่นดนตรี และสิ่งที่ได้เรียนรู้คือ ยังขาดหลักสูตรที่ใช้สอนเด็กพิการด้านดนตรี และได้ปรึกษากับพี่ที่ทำงานเพื่อทำการร่างโครงการขอทุนเพื่อทำหลักสูตรด้านดนตรีสำหรับเด็ก
            คุณสมพร สายกลิ่น ทิ้งท้ายว่า “ฝากเรื่องดนตรีกับพ่อ แม่ ผู้ปกครองที่มีเด็กพิการ ดนตรีเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง ที่ช่วยให้เด็ก ๆ ได้พัฒนาทางด้านร่างกาย สภาพจิตใจ ทำให้เป็นภูมิคุ้มกันในอนาคตเมื่อโตขึ้น ลองหาเครื่องดนตรีหรือให้ฟังเพลงให้เด็กได้โยก หรือให้ลองสัมผัสดนตรีในสถาบันดนตรี พาไปดูการแสดงดนตรี หรือผู้ปกครองลองเรียนดนตรีแล้วนำมาใช้กับลูกของตนเอง สุดท้ายแล้วผู้ที่เกี่ยวข้องต้องออกแบบเริ่มต้น ผู้ปกครองต้องเข้าใจก่อนว่าเด็กพิการด้านใด ต้องรีบปรึกษาผู้ที่มีความรู้ ถึงแม้จะเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แต่ก็มีความสำคัญ”