วันที่ 16 ธันวาคม 2567  นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน   เปิดงานวันคนพิการสากลจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำปี 2567 "ส่งเสริมการเป็นผู้นำคนพิการ เพื่ออนาคตที่ครอบคลุมและยั่งยืน" "Amplifying the leadership  of persons with disabilities for an inclusive and sustainable future." โดยมี ประธานสภาคนพิการทุกประเภทประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำองค์กรด้านคนพิการ คนพิการ ผู้ดูแลคนพิการ ร่วมงาน

          ด้วยองค์การสหประชาชาติ ประกาศให้วันที่ 3 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันคนพิการสากล และเชิญชวนให้ประเทศสมาชิกร่วมกันจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจสังคมเกี่ยวกับคนพิการ และให้โอกาสคนพิการได้มีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมของสังคมอย่างสร้างสรรค์เป็นธรรม และเสมอภาคกับคนทั่วไป ซึ่งประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ได้จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันคนพิการสากลเป็นประจำทุกปี ทั้งในส่วนกลางและจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยในปี 2567 องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดประเด็นหลัก คือ "ส่งเสริมการเป็นผู้นำคนพิการ เพื่ออนาคตที่ครอบคลุมและยั่งยืน" เพื่อสะท้อนถึงบทบาทสำคัญที่คนพิการมีในการสร้างโลกที่ครอบคลุม และยั่งยืนสำหรับทุกคน โดยรูปแบบการจัดงานคำนึงถึงการเข้าถึงและรองรับคนพิการทุกประเภทอย่างทั่วถึงและเสมอภาค รวมถึงสร้างความตระหนักและส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนในสังคม ได้ร่วมกันสร้างสังคมที่เป็นธรรม เสมอภาค และเท่าเทียมเป็นสังคมที่ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

          จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ดำเนินการจัดงานในครั้งนี้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ เพื่อให้คนพิการรับทราบ นโยบายและมาตรการแนวทางของรัฐในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ และส่งเสริมความเป็นธรรรม เสมอภาค เท่าเทียมในทุกภาคส่วนของสังคม , เพื่อส่งเสริมโอกาสคนพิการได้แสดงศักยภาพ การเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ อย่างเสมอภาคอย่างเท่าเทียมกับคนทั่วไป , เพื่อเชิดชูเกียรติให้แก่บุคคล องค์กร หน่วยงานในการสนับสนุนงานด้านคนพิการ คนพิการต้นแบบ และคนพิการที่ประสบความสำเร็จด้านการกู้ยืมเงินกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เพื่อประกอบอาชีพภายใต้โครงการ We Can Do , เพื่อเสริมสร้างเจตคติเชิงสร้างสรรค์ของคนพิการ ครอบครัวคนพิการ และสังคมที่มีต่อคนพิการและความพิการ ซึ่งจะส่งผลให้คนพิการได้รับโอกาสทางสังคมเท่าเทียมกับคนทั่วไป