ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

กรมสุขภาพจิต มอบรถเข็นนั่ง6ชนิดพิเศษ-อุปกรณ์การแพทย์ 307ชิ้น มูลค่าเกือบ 4 ล้านบาท ให้คนพิการโคราช ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระเทพฯ ผุดไอเดีย!! ตั้ง “ธนาคารกายอุปกรณ์”

วันที่ลงข่าว: 03/04/19

          กรมสุขภาพจิต ร่วมมือกับสโมสรโรตารีจังหวัดนครราชสีมาและอุตรดิตถ์ มอบรถเข็นนั่ง 6ชนิดพิเศษและอุปกรณ์การแพทย์นำเข้าจากอเมริกา ไอร์แลนด์และเยอรมัน ให้คนพิการในจ.นครราชสีมา จำนวน 173 คน รวม 307 ชิ้น มูลค่า3.7ล้านบาทเศษ ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯพร้อมทั้งเร่งผลักดัน ตั้งธนาคารกายอุปกรณ์และศูนย์ซ่อมอุปกรณ์ผู้พิการโดยเฉพาะครอบคลุมทุกภูมิภาคจะเริ่มที่สงขลาแห่งแรก5เมย.นี้

            วันที่  2 เม.ย.2562 ที่หอประชุมสงฆ์วัดพายัพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา  นายแพทย์ชิโนรส ลี้สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิตเป็นประธานในพิธีมอบอุปกรณ์การแพทย์พระราชทานในพระนามาภิไธยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ให้แก่ผู้พิการในจ.นครราชสีมาจำนวน 173 คนซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ จ.เชียงใหม่ รพ.จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ สังกัดกรมสุขภาพจิต จังหวัดนครราชสีมา สโมสรโรตารี่ท่านท้าวสุรนารี สโมสรโรตารี่อุตรดิตถ์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เม.ย. 2562

            อุปกรณ์ที่มอบในวันนี้มีทั้งหมด 307 ชื้น มูลค่า 3.7 ล้านบาทเศษ ได้รับบริจาคจากองค์กรการกุศลประเทศสหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์ และสหพันธรัฐเยอรมัน ประกอบด้วยรถนั่งคนพิการ 6 ชนิดพิเศษที่ไม่มีจำหน่ายในประเทศ เช่น รถเข็นเด็กสมองพิการปรับระดับปรับเอนได้รถเข็นผู้ใหญ่ที่ป่วยติดเตียง รถเข็นเด็กอ่อนที่กล้ามเนื้ออ่อนแรง รวม118 คัน  ที่เหลืออีก189 รายการ เป็นอุปกรณ์การแพทย์อื่นๆ โดยทีมอาสาสมัครระดับมืออาชีพทั้งไทยและต่างประเทศ จะปรับขนาดรถเข็นนั่งทุกคันและเบาะรองนั่งให้เหมาะกับสภาพความพิการแต่ละคนตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก เพื่อป้องกันแผลกดทับ ใช้งานง่ายและปลอดภัย

            ข้อมูลล่าสุดในปี 2560 มีผู้พิการทั่วประเทศขึ้นทะเบียนเข้าสู่ระบบบริการ 1.9 ล้านกว่าคน ในจำนวนนี้ร้อยละ 15 หรือประมาณ 290,000 คน เป็นผู้พิการทางใจและพฤติกรรม สติปัญญา การเรียนรู้ และออทิสติกการช่วยเหลือให้คนพิการยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง จะทำให้เกิดความภาคภูมิใจในตนเองและมีความสุขขึ้น 

            โดยกรมสุขภาพจิตได้มอบความช่วยเหลือตั้งแต่พ.ศ.2543และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ให้มอบอุปกรณ์ดังกล่าวภายใต้พระนามาภิไธยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ตั้งแต่พ.ศ. 2553 เป็นต้นมา เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ประชาชนจนถึงขณะนี้มีผู้พิการรับความช่วยเหลือไปแล้วกว่า 30,000 คน จากการติดตามผลพบว่า ผู้พิการมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ร้อยละ96 ใช้ชีวิตได้สุขสบายขึ้น มีความสุขในระดับมากสูงถึงร้อยละ 99.5 

            “อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่ที่พบขณะนี้ ทั่วประเทศยังขาดแคลนศูนย์ซ่อมดูแลรถเข็น และอุปกรณ์ช่วยลดข้อจำกัดจากความพิการ บางคนเมื่ออุปกรณ์เสียหายแล้ว ไม่มีแหล่งซ่อม กรมสุขภาพจิตมีแนวคิดจะผลักดันให้มีการจัดตั้งธนาคารกายอุปกรณ์เพื่อเป็นศูนย์กลางบริหารจัดการแลกเปลี่ยน รถเข็นนั่งและอุปกรณ์ที่ใช้กับคนพิการ และมีศูนย์ซ่อมโดยเฉพาะในชุมชนหรือจังหวัด โดยกรมสุขภาพจิตจะสนับสนุนอะไหล่ต่างๆ และวิชาการความรู้ทั้งเรื่องอุปกรณ์และประเภทความพิการให้ ในระยะแรกจะดำเนินครอบคลุมทุกภูมิภาคก่อน เริ่มที่ภาคใต้ที่จ.สงขลา จะลงนามความร่วมมือในวันที่ 5 เมษายน ที่จะถึงนี้ ส่วนภาคเหนือคาดว่าจะดำเนินการที่จ.แพร่ ภาคอื่นที่เหลืออยู่ระหว่างหารือกับระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พัฒนาสังคมจังหวัด สถาบันการศึกษา มูลนิธิผู้พิการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”นายแพทย์ชิโนรสกล่าว

            ด้านนายแพทย์กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการ รพ.จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ กล่าวว่า ในปีนี้รพ.จิตเวชฯได้จัดบริการเชิงรุกแก่ผู้พิการทางใจและสติปัญญา ในจ.นครราชสีมา โดยจัดทีมสวัสดิการทางใจและอาชีพ เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างทีมนักสังคมสงเคราะห์ของรพ.จิตเวช ศูนย์สุขภาพจิตที่9อบจ. พัฒนาสังคมจังหวัดฯ และจัดหางานจังหวัด ลงเยี่ยมบ้านผู้พิการที่อยู่ในเขตเทศบาลเมืองนครราชสีมา ดูแลทั้งด้านสุขภาพใจ สวัสดิการทางสังคม และการส่งเสริมด้านอาชีพทั้งผู้พิการและผู้ดูแล ให้เป็นไปตามพ.ร.บ.ผู้พิการพัฒนาเป็นต้นแบบของพื้นที่อย่างเป็นระบบและบูรณาการร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายผลให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในเขตสุขภาพที่ 9 ประกอบด้วยนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์และสุรินทร์ เนื่องจากที่ผ่านมาผู้พิการด้านนี้ยังได้รับการดูแลช่วยเหลือน้อยที่สุด ซึ่งจะเป็นการแปลงภาระและให้เป็นพลังของสังคมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศด้วย 

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก