ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

เปิดใจผู้พิการเคยทำงานต่างแดนรายได้ดี ชีวิตเปลี่ยนเพียงข้ามคืนเพราะดื่มสุรา หากย้อนอดีตได้ขอไม่ขับขี่ขณะมึนเมา วอนปีใหม่นี้ “เมา-บ่-ขับ”

วันที่ลงข่าว: 29/11/18

         นายแสวง ศรียัง อายุ 44 ปี ชาวอำเภอประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี 1 ในผู้พิการที่ประสบเหตุจากการขับขี่ยานพาหนะขณะมึนเมา เดินทางมาร่วมกิจกรรมมหกรรมความปลอดภัยทางถนน จัดโดยศูนย์ความปลอดภัยทางถนนจังหวัดอุดรธานี ภายใต้แนวคิด “ยุทธการตีปีกแมงขี้นาก 4.0” ที่บริเวณด้านหน้าศาลหลักเมืองจังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 กล่าวว่าในปี 2548 เดินทางไปทำงานที่ไต้หวัน มีเงินเดือน 58,000 ดอลลาร์ไต้หวันต่อเดือน ค่าตอบแทนล่ามแปลภาษาอีกเดือนละ 22,000 ดอลลาร์ไต้หวัน ไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ทำงานด้วยความสุข วาดฝันอนาคตไว้สวยงาม แต่ชีวิตเปลี่ยนเพียงข้ามคืน หลังดื่มสุรากับเพื่อนๆ ขับรถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัยกลับที่พักประสบอุบัติเหตุชนรถไถนา อาการสาหัสเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลไต้หวันด้วยสภาพแขนซ้ายเส้นประสาทขาด เลือดคลั่งในสมอง ลูกตาซ้ายขวาแตก ซีกโครงทิ่มปอด

        ผู้พิการเหยื่อเมาแล้วขับ กล่าวอีกว่า ขณะรับการรักษาที่ไต้หวัน แพทย์บอกว่ากะโหลกได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง ทำให้ลูกตาแตก สาเหตุเพราะไม่สวมหมวกนิรภัย หลังได้รับการรักษาจนหายได้เดินทางกลับประเทศไทย กลายเป็นผู้พิการทางสายตา ต้องอยู่ในโลกมืดเพราะฤทธิ์ของสุรา ตาบอด มองไม่เห็น ใช้ชีวิตด้วยความลำบาก มีเพียงน้องสาวมาช่วยหุงหาอาหาร ปัจจุบันมีภาคเอกชนเข้ามาสนับสนุนการทำกิจกรรมเพื่อสังคม ได้รับค่าตอบแทนในการณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการขับขี่ การดื่มของมึนเมาแล้วขับยานพาหนะ ความสูญเสียที่เกิดขึ้น หากย้อนอดีตได้ ตนจะไม่ดื่มสุราแล้วมาขับขี่จักรยานยนต์ หรือวันนั้นหากตนสวมใส่หมวกนิรภัย คงจะไม่สูญเสียการมองเห็นดังเช่นปัจจุบัน ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง วอนประชาชนขับขี่ด้วยความปลอดภัย ไม่ขับขี่ด้วยความประมาท ที่สำคัญเมาแล้วต้องไม่ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภท

ที่มาของข่าว สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก