ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

กสม.สัมมนา รับฟังความเห็นร่างข้อเสนอแนะคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ พร้อมชงรัฐบาล

วันที่ลงข่าว: 02/11/18

          กสม.จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นร่างข้อเสนอแนะคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ เตรียมชงรัฐบาลหวังใช้รับมือสังคมผู้สูงวัย ทั้งเรื่องที่อยู่ สุขภาพ หลักประกันรายได้ สิทธิในการมีงานทำ คุ้มครองสิทธิ

          วันที่ 1 พ.ย.2561  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้จัดสัมมนาเรื่อง “การรับฟังความคิดเห็นต่อร่างข้อเสนอแนะแนวทางหรือมาตรการเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของผู้สูงอายุ” โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคประชาสังคม เข้าร่วมให้ความเห็นประมาณ 150 คน

          โดยนายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชน กล่าวเปิดการสัมมนาว่า ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมสูงอายุมาตั้งแต่ปี 2548 ขณะนั้นมีจำนวนผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไปคิดเป็นร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด แต่ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรสูงอายุคิดเป็นร้อยละ 16 หรือประมาณ 11 ล้านคน จากประชากรทั้งหมดราว 66 ล้านคน และมีการคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี 2564 ซึ่งจะมีผู้สูงอายุคิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ จะเห็นได้ว่าไทยมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากรอย่างรวดเร็วเพราะประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวภายในระยะเวลากว่า 10 ปี กสม.จึงได้กำหนดให้เรื่องสิทธิของผู้สูงอายุเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญในยุทธศาสตร์ขององค์กรระหว่างปี 2560-2565 โดยได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของผู้สูงอายุอย่างรอบด้านด้วยวิธีการไต่สวนสาธารณะ และจัดทำเป็นร่างข้อเสนอแนะเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของผู้สูงอายุ รวมทั้งจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากเวทีสาธารณะต่อร่างข้อเสนอแนะฯ ดังกล่าวในครั้งนี้ เพื่อให้การคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิผู้สูงอายุสอดคล้องกับสถานการณ์สิทธิของผู้สูงอายุที่เป็นอยู่จริง

          นางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ กสม. ในฐานะประธานคณะทำงานจัดทำข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของผู้สูงอายุและคนพิการ ได้นำเสนอร่างข้อเสนอแนะเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของผู้สูงอายุ โดยสรุปว่า กสม.ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาสิทธิของผู้สูงอายุตั้งแต่ปี 2559 มีการตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อดำเนินการเป็นการเฉพาะ โดยใช้วิธีการไต่สวนสาธารณะ ซึ่งเป็นกระบวนการตรวจสอบปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ ศึกษาข้อมูลจากพยานหลักฐานต่าง ๆ เช่น งานวิชาการ การลงพื้นที่ในภูมิภาคต่างๆ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา องค์กรหรือชมรมผู้สูงอายุ และนักวิจัยที่ดำเนินงานด้านผู้สูงอายุ และส่งแบบสำรวจเรื่องปัญหาการละเลยทอดทิ้ง การใช้ความรุนแรง การล่วงละเมิดสิทธิผู้สูงอายุ และกลไกการปกป้องคุ้มครอง ไปยังสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานยุติธรรมจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำร่างฯ โดยร่างข้อเสนอแนะที่ กสม.ได้จัดทำขึ้น ประกอบด้วย ประเด็นข้อเสนอแนะในสิทธิด้านต่างๆ ของผู้สูงอายุ 7 ด้าน 1. สิทธิในที่อยู่อาศัย ที่รัฐควรรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุ ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยที่มีสภาพเหมาะสม 2. สิทธิด้านสุขภาพ รัฐควรจัดให้มีบุคลากรแผนกการรักษาเฉพาะที่ให้บริการด้านสุขภาพแก่ผู้สูงอายุอย่างเพียงพอ มีมาตรการจูงใจให้มีผู้สมัครเป็นผู้จัดการดูแล และผู้ดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น 3 หลักประกันรายได้ รัฐควรรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนการออมเงินไว้ใช้จ่ายยามชราภาพ พัฒนารูปแบบการออมภาคบังคับสำหรับแรงงานนอกระบบ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีระเบียบที่ชัดเจนในการเบิกจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยควรกำหนดให้มีการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุไม่เกินวันที่ 5 หรือภายในสัปดาห์แรกของเดือน

          4. สิทธิในการมีงานทำ รัฐควรพิจารณาขยายอายุเกษียณราชการเป็น 65 ปี โดยให้เป็นไปตามความสมัครใจ เร่งจัดทำมาตรฐานการทำงานของผู้สูงอายุ โดยกำหนดชั่วโมงการทำงานและค่าจ้างรายชั่วโมงที่เหมาะสม 5. สิทธิในการศึกษาตลอดชีวิต โดย อปท.ควรส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ โดยอาจดำเนินการในรูปแบบศูนย์การศึกษาและฝึกอาชีพผู้สูงอายุ 6. การคุ้มครองสิทธิของผู้สูงอายุจากการถูกทอดทิ้งและการแสวงประโยชน์รัฐควรสร้างจิตสำนึกและปลูกฝังคุณธรรมให้บุตรมีความรับผิดชอบดูแลบิดามารดาเพื่อป้องกันปัญหาการทอดทิ้งผู้สูงอายุ และควรจัดให้มีบริการดูแลผู้สูงอายุแบบไปกลับในชุมชนเพื่อช่วยเหลือครอบครัวในการดูแลผู้สูงอายุในช่วงที่สมาชิกอื่นต้องออกไปทำงานระหว่างวัน ปรับวงเงินการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยและถูกทอดทิ้งให้เพียงพอแก่การยังชีพอยู่ได้ และ .7 การคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในกรณีภัยพิบัติ ควรมีการระบุกลุ่มเปราะบางรวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุในแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของแต่ละพื้นที่ และกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุอย่างชัดเจน

           นอกจากนี้ยังเห็นว่ารัฐบาลควรให้ อปท.เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลผู้สูงอายุในระดับชุมชน กำหนดช่องทางหลักในการร้องเรียนปัญหาเกี่ยวกับสิทธิของผู้สูงอายุเพื่อความสะดวกแก่ผู้สูงอายุในการแจ้งปัญหา มีการทบทวนบทบาทหน้าที่ของอาสาสมัครต่างๆ เพื่อให้มีความชัดเจนและลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน และมีนโยบายที่ชัดเจนเพื่อเตรียมรองรับสังคมผู้สูงอายุด้วย ซึ่ง กสม.จะนำข้อมูลความเห็นจากการสัมมนาครั้งนี้ไปปรับปรุงแก้ไขร่างข้อเสนอแนะฯ ให้มีความครอบคลุมและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้สูงอายุ ก่อนนำเสนอต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

ที่มาของข่าว สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก