ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

สั่งฝ่ายกฎหมายตรวจสัญญาจ้างมาตรา35 อมเงินเลี้ยงคนพิการ

วันที่ลงข่าว: 16/10/18

         ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ สั่งนิติกรพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ฯ เร่งสางปัญหาข้อร้องเรียนผู้ดูแลคนพิการ โวยถูกประธานชมรมผู้ปกครองคนพิการ อมค่าจ้างเลี้ยงคนพิการเดือนละกว่า 9 พันบาท แต่ได้รับเพียง 4 พันบาท ด้านผู้รับจ้างดูแลคนพิการมาตรา 35 ยันได้รับเงินไม่ตรงตามสัญญา แจ้งความตำรวจไว้เป็นหลักฐาน

         จากกรณีตัวแทนผู้ปกครองคนพิการใน จ.กาฬสินธุ์ ร้องเรียนเรื่องเงินค่าจ้างผู้ดูแลคนพิการ ในโครงการจ้างเหมาบริการตามมาตรา 35 คนละ 1 แสนบาทต่อปี หรือเดือนละเกือบหมื่นบาท ถูกชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ยักยอก ด้วยวิธีให้เปิดบัญชีทำงาน จากนั้นเก็บบัตรเอทีเอ็มและสมุดบัญชีก่อนจ่ายให้รายเดือนแค่คนละ 2,000-4,000 บาท ขณะที่มีการโอนเงินเข้าจริงเกือบหมื่นบาท เชื่อมีขบวนการสูบเลือดคนพิการแฝงในระดับชมรมถึงระดับสูง  เรียกร้องเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ขณะที่ประธานชมรมฯ ยืนยันความโปร่งใส จัดสรรค่าแรงให้ตามข้อตกลง และมีผู้ดูแลคนพิการออกมาเผยข้อมูลความไม่โปร่งใส เกิดสงสัยมีการทุจริตเงินโครงการตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

         ล่าสุด วันที่ 15 ตุลาคม 2561 ผู้สื่อข่าว จ.กาฬสินธุ์ ยังติดตามปัญหาการร้องเรียนและความคืบหน้าการตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าว โดยนายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่าหลังได้รับข้อมูลเรื่องร้องเรียน ได้สั่งการให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) กาฬสินธุ์ ในฐานะส่วนราชการที่ดูแลคนพิการ ซึ่งได้มอบหมายให้นิติกรประจำสำนักงาน พมจ. ได้เร่งหารือข้อกฎหมายกับอัยการคุ้มครองสิทธิ์ ตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบเอกสาร หลักฐานต่างๆที่เกี่ยวกับโครงการ รวมทั้งศึกษารายละเอียดในสัญญา ทั้งนี้ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามเอกสารและสัญญาจ้างเหมาบริการด้วย เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ปกครองและคนพิการตามสิทธิและตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

         ขณะที่นางสาวปนัดดา เรไธสง นิติกรประจำสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในส่วนที่ พมจ.จะเข้าไปดูก็คือสิทธิ์ที่พึงมีพึงได้ และการได้รับความคุ้มครองตามสิทธิประโยชน์ของผู้พิการ ซึ่งจะได้ร่วมกับนิติกรของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) และอัยการคุ้มครองสิทธิ์ เข้าไปตรวจสอบเอกสารในสัญญา ว่าสอดคล้องหรือขัดแย้งกับสัญญาที่บริษัทไทย เอ็น โอเค จำกัด ในฐานะผู้ว่าจ้าง โดยผ่านสำนักงานจัดหางานจังหวัด  กับผู้ได้รับสิทธิ์ตามมาตรา 35 ในฐานะผู้รับจ้าง โดยผ่านชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ ว่าได้ปฏิบัติกับผู้รับจ้างเหมาบริการ ถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อปกป้องสิทธิ์และคืนความเป็นธรรมให้ผู้พิการ

         ด้านนางฐานิดา อนุอัน อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 24 หมู่ 1 บ้านเสริมชัยศรี  ต.นิคม อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์  ผู้ดูแล น.ส.อทิตยา อนุอัน หรือน้องอี๊ฟ อายุ 17 ปี ลูกสาว ซึ่งมีความพิการทางสติปัญญา  ผู้ได้รับสิทธิ์ตามมาตรา 35 กล่าวว่า สาเหตุที่เข้าร้องเรียนกับเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการส่วนกลางและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบ เนื่องจากพบพิรุธในการจ่ายเงินค่าจ้างเหมาบริการตามมาตรา 35 ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าไม่มีได้มีปัญหาขัดแย้งกับใคร ไม่ว่าจะเป็นในส่วนผู้ได้รับสิทธิ์ ผู้ปกครองคนพิการด้วยกัน หรือเจ้าหน้าที่ชมรมผู้ปกครองคนพิการ

          “อย่างไรก็ตาม ได้ไปแจ้งความบันทึกเป็นหลักฐานที่ สภ.สหัสขันธ์ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ไว้แล้ว โดยไปแจ้งสิทธิ์ผู้ดูแลคนพิการเพื่อขอสเตทเมนท์กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบิ๊กซีกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม และแจ้งความรับรองได้รับค่าจ้างไม่ตรงตามสัญญาตามมาตรา 35 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ทั้งนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และยืนยันได้รับค่าจ้างต่ำกว่าที่ระบุในสัญญาจริงๆ” นางฐานิดากล่าวในที่สุด

ที่มาของข่าว http://www.banmuang.co.th/news/crime/128339
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก