ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ ร่วมกับ 5 สถานศึกษาเพื่อเด็กพิการ สร้างความรู้รับภัยพิบัติ

วันที่ลงข่าว: 29/08/18

          มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ ร่วมกับ 5 สถานศึกษาเพื่อเด็กพิการในจังหวัดนครศรีธรรมราช จัดแสดงผลงานหลังร่วมกับผู้ปกครอง และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด จัดอบรมคนพิการและผู้ดูแล เพื่อรับมือและลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น

          หลังจากที่มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ ได้ร่วมกับนักเรียน ครู บุคลากร ผู้ปกครองของโรงเรียนสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ 5 หน่วยในจังหวัดนครศรีธรรมราช ชุมชน และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดการอบรมเพื่อสร้างความรู้ และเตรียมความพร้อมให้คนพิการรับมือกับสาธารณภัยที่อาจจะเกิดขึ้น ตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 ถึงเดือนสิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา วันนี้ (28 ส.ค. 61) จึงได้มีการจัดนิทรรศการสร้างความรู้เกี่ยวกับการรับมือสาธารณภัยจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และสรุปผลการฝึกอบรมที่ผ่านมา ณ หอประชุมโรงเรียนนครศรีธรรมราชปัญญานุกูล พร้อมมอบเกียรติบัติให้แก่หน่วยงานที่ให้การสนับสนุน โดยมีนายชูรินทร์ ขวัญทอง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดกิจกรรมครั้งนี้

          โดยนางสาวสุชญา เฑียรแสงทอง ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อเด็กพิการ กล่าวว่า ทางมูลนิธิได้จัดนิทรรศการครั้งนี้ขึ้น ภายใต้หัวข้อ “รู้จักเท่าทันภัยที่ไม่ไกลตัว” ซึ่งดำเนินการภายใต้โครงการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยคนพิการมีส่วนร่วม พื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากพบว่าคนพิการในสังคมไทย และประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกจะถูกละเลยจากการมีส่วนร่วมในกระบวนการสังคม เพราะคนพิการมีข้อจำกัดในการรับรู้ สื่อสาร และการเข้าถึงแหล่งบริการทางสังคม ดังนั้น การเตรียมความพร้อมให้คนพิการได้มีโอกาสเรียนรู้ และมีส่วนร่วมเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องการป้องกันและลดความเสี่ยงจากสาธารณภัยต่าง ๆ ทางมูลนิธิจึงดำเนินโครงการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยคนพิการมีส่วนร่วม พื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 ถึงเดือนสิงหาคม 2561 โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การช่วยเหลือเด็ก หรือ Save The Children เพื่อให้ความรู้และเสริมทักษะการเตรียมความพร้อมในการรับมือต่อสาธารณภัย พร้อมทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการดำเนินโครงการกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท้องถิ่น 16 หน่วย อีกด้วย

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก