ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม 5 ประเทศ เร่งรัดให้อินโดนีเซียจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อควบคุมมลพิษจากหมอกควันข้ามแดนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

วันที่ลงข่าว: 04/06/18

          ประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม 5 ประเทศ เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน เร่งรัดให้อินโดนีเซียจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อควบคุมมลพิษจากหมอกควันข้ามแดนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเดินหน้าตามโรดแมปอาเซียนปลอดหมอกควันอย่างมีประสิทธิภาพ

พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม 5 ประเทศ เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ 20 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ประกอบด้วย เนการา บรูไนดารุสซาลาม สาธารณรัฐสิงคโปร์ประเทศมาเลเซีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประเทศไทย สำนักงานเลขาธิการอาเซียน ผู้แทนจากศูนย์เชี่ยวชาญด้านอุตุนิยมวิทยาเฉพาะทางอาเซียน (ASMC) และองค์กรคู่เจรจา คือ European Union และ Global Environment Centre ได้เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ โดยที่ประชุมได้เน้นดำเนินงานตามข้อตกลงอาเซียน เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน โรดแมปอาเซียนปลอดหมอกควัน และเร่งรัดให้อินโดนีเซียจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อควบคุมมลพิษจากหมอกควันข้ามแดนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งจะนำสู่การแก้ปัญหาหมอกควันที่มี ประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ ที่ประชุมยังแสดงความชื่นชมและขอบคุณไทยที่ริเริ่มและผลักดันโรดแมปอาเซียนปลอดหมอกควัน (ASEAN Transboundary Haze Free Roadmap) ประสบความสำเร็จจนได้รับความเห็นชอบและใช้เป็นกรอบการดำเนินงานของภูมิภาคอาเซียนแก้ปัญหาหมอกควันอย่างยั่งยืนเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์การเป็นภูมิภาคปลอดหมอกควันในปี 2563 พร้อมทั้ง ยังหารือการประเมินผลการด าเนินงานตามโรดแมปเพื่อสรุปผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม แล้วรายงานต่อรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมและสาธารณชนต่อไป โดยการจัดทำ Mid-term Review จะถูกหารือ.นการประชุมภายใต้กรอบอาเซียนรับทราบความก้าวหน้า

          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวย้ำว่า ศูนย์เชี่ยวชาญด้านอุตุนิยมวิทยาเฉพาะทางอาเซียน ดูแลโดย สาธารณรัฐสิงคโปร์ คาดการณ์ถึงโอกาสที่ปริมาณน้ำฝนอาจอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติถึงปกติ อาจส่งผลให้เกิดการเพิ่มสูงขึ้นของจุดความร้อนในอนุภูมิภาคอาเซียนตอนล่างได้ ส่งผลให้ประเทศสมาชิกเห็นชอบให้ยกระดับมาตรการและความร่วมมือการป้องกันและแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดน ทั้งในประเทศของตนเองและระดับอนุภูมิภาค

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก