ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ประเมินหลังเปิด AEC อาเซียนทำการค้าระหว่างกันลดลง เนื่องจากกำลังซื้อซบเซา ชี้จีน-เกาหลีใต้เจาะตลาดCLMV หวั่นไทยเสียโอกาสการค้า

วันที่ลงข่าว: 01/06/18

          นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลประเมินการค้าการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV หลังเปิด AEC ในปี 2558 และระยะ 5 ปีข้างหน้า พบว่า ประเทศในกลุ่มอาเซียน มีจีดีพีเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากเดิมมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 2 ของจีดีพีโลก เพิ่มเป็นร้อยละ 3.4ในปี2559 โดยกลุ่มอาเซียนเดิม 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์และบรูไน เติบโตทางเศรษฐกิจ 1.6 เท่า และกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เติบโต 2.4 เท่า ซึ่งตลาด CLMV ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่สุด โดยในปี 2565 คาดว่า กลุ่ม CLMV จะมีจีดีพีเฉลี่ยร้อยละ 6.8 มูลค่าเพิ่มขึ้น 223 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่อาเซียนเดิม จะมีจีดีพีเฉลี่ยร้อยละ 4.5 มูลค่า 1,106 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังพบว่าภายหลังการเปิดเสรีอาเซียนเพื่อให้การค้าระหว่างกันมีภาษีเป็นศูนย์ การค้าระหว่างกันภายในอาเซียนลดลง แต่การค้าภายนอกอาเซียนมีมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV ที่พบว่าสัดส่วนการค้าในปี2559-2560 เหลือเพียงร้อยละ 14.8 จากเดิมที่เฉลี่ยประมาณร้อยละ 18.4 และคาดว่าใน 5 ปีข้างหน้าจะเหลือเพียงร้อยละ 14 เนื่องจากกำลังซื้อนอกอาเซียนมีสูงกว่าและมีข้อตกลงทางการค้าที่ทำให้การนำเข้า-ส่งออกสินค้ามีภาษีลดลง ประกอบกับสินค้าในอาเซียนมีความคล้ายกัน รวมทั้งมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีที่เกิดขึ้นระหว่างอาเซียนทำให้เป็นอุปสรรคในการค้า การลงทุน โดยประเทศนอกอาเซียนที่ทำการค้ากับ CLMV มากที่สุด คือ จีน ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทั้งการนำเข้าสินค้าและการส่งออกสินค้า รวมทั้งเกาหลีใต้ที่มีการนำเข้าขยายตัวอย่างมากในตลาด CLMV ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ไทย และประเทศอื่นๆในกลุ่มอาเซียนเดิมกำลังเสียโอกาสทางการค้าให้แก่ จีนและเกาหลีใต้ โดยเฉพาะในเมียนมาและเวียดนาม ทั้งนี้ ไทยยังมีโอกาสในด้านการค้า มากกว่าการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV เนื่องจากสินค้าไทยยังเป็นที่นิยม อาทิ ผลไม้สด ผลไม้แปรรูป อาหารแปรรูป สินค้าด้านความงาม ขณะที่ธุรกิจบริการ ร้านอาหาร ภัตคาร รวมทั้งโรงเรียนสอนอาชีพยังคงเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มจะเติบโตได้ดีในกลุ่ม CLMV ดังนั้น อาเซียนควรมีการวางมาตรฐานการค้าร่วมกัน เพื่อลดการกีดกันทางการค้าลง

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก