ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

วันที่ลงข่าว: 31/05/18

          ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ทั้ง ประเด็นการตัดสิทธิผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ให้เป็นข้าราชการการเมือง และการให้มีผู้ช่วยลงคะแนนให้กับผู้พิการ ทุพลภาพ หรือผู้สูงอายุ ส่วนคำสั่ง คสช. 53/2560 นัดลงมติวันที่ 5 มิถุนายนนี้

          ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ใน 2 ประเด็นสำคัญ คือมาตรา 35 (4) และ (5) ที่มีการตัดสิทธิผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ไปใช้สิทธิลงคะแนน ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง และตำแหน่งข้าราชการการเมืองท้องถิ่น 2 ปี ว่ามีข้อความขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญมาตรา 95 วรรคสาม ที่ระบุว่าผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่แจ้งเหตุอันควรตามกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส อาจถูกจำกัดสิทธิบางประการ และประเด็นที่สอง คือการให้มีผู้ช่วยลงคะแนนสำหรับผู้พิการ สูงอายุและทุพลภาพ ในมาตรา 92 วรรคหนึ่ง ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญมาตรา 85 ที่ระบุให้การออกเสียงลงคะแนนต้องเป็นไปโดยตรงและลับหรือไม่

โดยศาลรัฐธรรมนูญ มีมติมติเอกฉันท์เห็นว่าทั้ง 2 ประเด็น ไม่มีข้อความใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ โดยประเด็นแรก การตัดสิทธิผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ไม่ไปใช้สิทธิลงคะแนน เนื่องจากการดำรงตำแหน่งตามมาตรา 35(4) และ(5)เป็นสิทธิชนิดหนึ่ง ซึ่งรัฐธรรมนูญให้ออกกฎหมายจำกัดสิทธิดังกล่าวได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 95 วรรคสาม ส่วนประเด็นที่สอง การให้มีผู้ช่วยลงคะแนนนั้น ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าการอำนวยความสะดวก หรือจัดให้ให้มีความช่วยเหลือในการออกเสียงลงคะแนนของคนพิการ หรือทุพลภาพ หรือผู้สูงอายุ ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง ยังอยู่ในขอบเขตของวิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับตามรัฐธรรมนูญมาตรา 85 วรรคหนึ่ง

          สำหรับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ร้องให้วินิจฉัยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 140 และ มาตรา 141 ที่แก้ไขโดยสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 มีความชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 25 , 26 , 27 และ 45 หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยและกำหนดประเด็นที่ต้องต้องพิจารณา พร้อมทั้งนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติในวันอังคารที่ 5 มิถุนายน 2561

 

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก