ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ขสมก.โชว์รถเมล์NGV จัด100 คันเริ่มวิ่งแน่ 28 มี.ค.นี้ “ช ทวี” ยันจ่ายภาษี จดทะเบียนเรียบร้อย

วันที่ลงข่าว: 26/03/18

           ขสมก. รับมอบรถเมล์ NGV 100 คันแรกหลังสุ่มตรวจและวิ่งทดสอบ ไร้ปัญหา ได้ประสิทธิภาพตาม TOR เตรียมจัดสิ่งบริการจริง 28 มี.ค. นี้ ในเขต เดินรถที่5 ด้าน “สุรเดช” บริษัท ช ทวี ส่งมอบ100 คันแรก เผยเร่งประกอบและติดตั้งชิ้นส่วนเตรียมส่งมอบล็อตที่2 จำนวน 100 คัน ภายใน 26 เม.ย. 2561 และครบ489 คัน ภายใน 25 มิ.ย.2561 แจงนำเข้ารถยี่ห้อ BLK จากประเทศจีน และจัดหาเครื่องยนต์ เกียร์ แอร์ ถังแก้สและชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อนำมาประกอบ จดทะเบียร จ่ายภาษีเรียบร้อย

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานพิธีเปิดตัวรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ซึ่งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)ได้ประมูลจัดซื้อ จำนวน489 คัน โดยกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO นำโดยบริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) และบริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) ได้นำรถ2 คันมาแสดง และมีแผนส่งมอบรถล็อตแรก จำนวน100 คัน ระหว่างวันที่ 25-26 มี.ค.561 และจะทยอยส่งมอบรถส่วนที่เหลือครบ 489 คัน ภายในเดือน มิ.ย.2561 

          โดยก่อนดำเนินการตรวจรับ ขสมก.ได้สุ่มรถโดยสารจำนวน 2 คัน ทดลองวิ่งให้บริการประชาชนในเส้นทางเดินรถสาย138 และสาย 140 เมื่อวันที่ 14-16มี.ค.และ21-23มี.ค.2561 เพื่อทดสอบสมรรถนะรถ ตามข้อกำหนดใน TOR ซึ่งผลการทดสอบพบว่า รถโดยสารสามารถวิ่งให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด

 

          ทั้งนี้ ขสมก.ได้ลงนามสัญญา ซื้อรถซื้อขายรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษา จำนวน 489 คัน กับกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2560 วงเงิน 4,261 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าราคากลาง 241 ล้านบาท

          นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า ขสมก.เร่งดำเนินโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 489 คัน มาให้บริการประชาชนก่อน เพื่อทดแทนรถโดยสารเดิมที่มีสภาพเก่า เนื่องจากมีอายุการใช้งานหลายปี ซึ่ง ขสมก.ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามกระบวนการในพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 โดยเชิญผู้สังเกตการณ์จากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วยทุกครั้ง เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปด้วยความถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้

         โดยรถ100 คันแรกนี้ จะเริ่มนำมาวิ่งให้บริการประชาชนตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. เขตการเดินรถที่ 5 จำนวน 8 เส้นทาง ส่วนรถในล็อตที่ 2 จำนวน100 คันจะรับมอบในเดือนเม.ย ล. ละทยอยรับมอบจนครบการเดินรถที่ 5, 2, 1 และ 3 ตามลำดับ รวม 25 เส้นทาง ครอบคลุมการให้บริการในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

         นายสุเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO กล่าวว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่างประกอบและติดตั้งชิ้นส่วนต่างๆ ตามTOR เพื่อเตรียมส่งมอบล็อตที่2 จำนวน 100 คัน ภายในวันที่ 26 เม.ย. 2561 และล็อตที่3 จำนวน 100 คัน ภายในวันที่ 26 พ.ค.2561 และล็อตสุดท้ายจำนวน 189 คัน ภายในวันที่ 25 มิ.ย.2561 

         โดยได้นำเข้ารถยี่ห้อ BLK จากประเทศจีน และจัดหาเครื่องยนต์ เกียร์ แอร์ ถังแก้สและชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อนำมาประกอบและส่งทดสอบรถโดยสารโดยผ่านความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบก และนำรถเข้าตรวจสภาพจดทะเบียนและชำระภาษีเรียบร้อย จนกระทั่งสามารถส่งมอบล็อตแรกทั้งหมด100 คันอย่างสมบูรณ์แบบ ตามคุณลักษณะพิเศษเฉพาะตาม TOR เช่น ตกแต่งภายในด้วยวัสดุไม่ลามไฟ มีระบบปรับลดระดับความสูงของตัวรถ (Kneeling system) ติดตั้งทางลาดพิเศษและอุปกรณ์สำหรับอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการ ติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด 5 จุด เชื่อมต่อระบบภาพและเสียงแบบออนไลน์ เป็นต้น 

         โดยเขตการเดินรถที่ 1 จำนวน 9 เส้นทาง ได้แก่ สาย 59 (รังสิต - สนามหลวง), สาย 129 (บางเขน - สำโรง), สาย 510 (มธ.ศูนย์รังสิต - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ), สาย 522 (รังสิต - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ), สาย 543 (บางเขน - ลำลูกกา),

 

สาย A1 (ดอนเมือง - BTS จตุจักร), สาย A2 (ดอนเมือง - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ), A3 (ดอนเมือง - สวนลุมพินี)

 

และสาย A4 (ดอนเมือง - สนามหลวง)

 

เขตการเดินรถที่ 2 จำนวน 4 เส้นทาง ได้แก่ สาย 26 (มีนบุรี - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ), สาย 60 (สวนสยาม - ปากคลองตลาด), สาย 168 (สวนสยาม - ถ.พระราม 9 - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) และสาย 514 (มีนบุรี - รัชดา - สีลม)

 

เขตการเดินรถที่ 3 จำนวน 4 เส้นทาง ได้แก่ สาย 102 (ปากน้ำ - สาธุประดิษฐ์), สาย 142 (ปากน้ำ - อู่แสมดำ), สาย 145 (ปากน้ำ - หมอชิต 2) และสาย 511 (ปากน้ำ - สายใต้ใหม่)

 

เขตการเดินรถที่ 5 จำนวน 8 เส้นทาง ได้แก่ สาย 20 (ป้อมพระจุลจอมเกล้า - ท่าน้ำดินแดง), สาย 21 (วัดคู่สร้าง - จุฬาฯ), สาย 37 (แจงร้อน -มหานาค), สาย 76 (แสมดำ - ประตูน้ำ), สาย 105 (มหาชัยเมืองใหม่ - คลองสาน),สาย 138 (พระประแดง - หมอชิต 2), สาย 140 (แสมดำ - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ), และสาย 141 (แสมดำ - จุฬาฯ)

             ซึ่งรถโดยสารดังกล่าวเป็นรถโดยสารประเภทชานต่ำ ขนาด 12 เมตร 35 ที่นั่ง มีการออกแบบในลักษณะUniversal Design เพื่อให้คนพิการและผู้สูงอายุสามารถใช้บริการได้อย่างสะดวกปลอดภัย มีเครื่องยนต์ขนาด 250 แรงม้าได้รับมาตรฐานตามข้อกำหนดประชาคมเศรษฐกิจยุโรปและสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมไทย ระบบเบรก ABS ระบบรองรับน้ำหนักแบบ Air Suspension พร้อมระบบปรับลดระดับความสูงของตัวรถ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ถังก๊าซ จำนวน 9 ใบได้รับมาตรฐาน ISO 11439 พร้อมชุดควบคุมระบบก๊าซและอุปกรณ์ ได้รับมาตรฐานตามข้อกำหนดคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งชาติยุโรป 

            ภายในห้องโดยสารบุด้วยฉนวนป้องกันความร้อนและเสียงรบกวน เก้าอี้โดยสารแบบปกติ จำนวน 31 ที่นั่ง และแบบพับได้ จำนวน 4 ที่นั่งบุด้วยฟองน้ำอย่างหนา ผลิตจากวัสดุไม่ลามไฟ ทำให้นั่งสบายขณะใช้บริการ ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ มีการติดตั้งป้ายไฟดิจิตอลบอกเส้นทางขนาดใหญ่ เพื่อการมองเห็นที่ชัดเจน กล้อง CCTV จำนวน 5 จุด เพื่อให้พนักงานขับรถสามารถดูแลผู้ใช้บริการได้อย่างทั่วถึง ทางลาดแบบพับเก็บได้ เพื่อให้คนพิการเข็นรถวีลแชร์ขึ้น - ลงรถได้อย่างสะดวก ปลอดภัย พื้นที่จอดรถวีลแชร์ จำนวน 2 คัน พร้อมที่ล๊อคล้อ และกริ่งสัญญาณหยุดรถสำหรับคนพิการ 

          นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งระบบ GPS เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบพิกัดตำแหน่งของรถโดยสารผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน และในอนาคตจะติดตั้งระบบ WiFi เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเชื่อมต่อโลกออไลน์ได้ทุกที่บนท้องถนนพร้อมติดตั้งระบบ E - Ticket เพื่อรองรับการใช้บริการของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และระบบตั๋วร่วม

ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 26 มีนาคม 2561
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก