ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ผู้ว่าราชการ จังหวัดฉะเชิงเทรา มอบอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการอันเนื่องมาจากการประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนน

วันที่ลงข่าว: 26/02/18

          วันที่ 23 ก.พ. 61 ที่ห้องเพทาย โรงแรมแกรนด์ รอยัล พลาซ่า นายสุวิทย์ คำดี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานมอบอุปกรณ์ช่วยเหลือให้แก่ผู้พิการที่ประสบภัยจากการใช้รถใช้ถนน ประกอบด้วย รถนั่งไฟฟ้าสำหรับผู้พิการ ขาเทียม เตียงเบาะรองนั่ง โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และผู้ที่ชนะการประมูลหมายเลขทะเบียนรถเลขสวยของจังหวัดฉะเชิงเทรา มาเป็นผู้มอบอุปกรณ์ช่วยเหลือให้แก่ผู้พิการ จัดโดยสำนักงานขนส่งจังหวัดฉะเชิงเทรา

นายสุวิทย์ คำดี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า การมอบอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการอันเนื่องมาจากการประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนน มีส่วนช่วยเหลือสังคมเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่ผู้พิการที่ได้รับอุปกรณ์ช่วยเหลือจะดูแลตนเองดีขึ้นแล้ว ยังช่วยเยียวยาจิตใจทั้งผู้พิการเองและบุคคลในครอบครัว ว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้งจากสังคม ยังมีคนเห็นคุณค่าและสร้างแรงใจให้สู้ชีวิตอย่างไม่ย่อท้อ นอกจากผู้ชนะการประมูลเลขสวยจะได้กุศลมีวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจแก่ประชาชน ให้ได้รับทราบถึงการดูแล ห่วงใยเอาใจใส่ผู้พิการฯ และช่วยเหลือสังคม โดยกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ได้นำรายได้ส่วนหนึ่งที่ได้จากการประมูลเลขสวยมาจัดหาอุปกรณ์ และส่งมอบความสุขผ่านอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการ

            ด้านนายทองคำ นิสัยสัตย์ ขนส่งจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า สำนักงานขนส่งจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้จัดให้มีการมอบอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการอันเนื่องมาจากการประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบถึงความห่วงใยใส่ใจต่อผู้พิการและความห่วงใยใส่ใจต่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนของกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ประกอบกับเพื่อเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของเงินที่ได้จากการประมูลหมายเลขทะเบียนรถสวยว่าสามารถนำไปสร้างความสุข สร้างคุณประโยชน์ให้กับคนอื่นๆและสังคมได้อย่างมาก ซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์และสื่อสารภาพลักษณ์ที่ดีของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนและส่งเสริมการประมูลหมายเลขทะเบียนรถ ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้รับการจัดสรรเงินค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการ จำนวน 21 ราย รวมเป็นเงิน 1,248,000 บาท

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก