ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

สวทช. เตรียมจัดงาน “NAC 2018” ประชุมประจำปีครั้งยิ่งใหญ่ ชู “งานวิจัยประเด็นมุ่งเน้น” ตอบโจทย์ประเทศไทย

วันที่ลงข่าว: 14/02/18

          กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เตรียมจัดงานประชุมวิชาการ สวทช. ประจำปี 2561 หรือ NAC 2018 (แนค2018) อย่างยิ่งใหญ่ โชว์ศักยภาพผลงานวิจัยและพัฒนาของ สวทช. และเครือข่ายพันธมิตรที่ตอบโจทย์ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักในการพัฒนาประเทศพร้อม “เปิดบ้าน” อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทยจูงมือ “นักลงทุน” ชมห้องปฏิบัติการวิจัยและหน่วยงานทดสอบมาตรฐานที่ทันสมัยระดับโลกหนุน “สตาร์ทอัพ” พร้อมบริการให้คำแนะนำฟรี เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ ด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ระหว่างวันที่ 9 - 13 มีนาคม 2561 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี

           ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สวทช.งานดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ตอบโจทย์ประเทศไทยด้วยงานวิจัยประเด็นมุ่งเน้น”ใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญและกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการนำเสนอในรูปแบบของการสัมมนาแบบเจาะลึกและการจัดแสดงนิทรรศการโดยนักวิจัยเจ้าของผลงาน โดยเน้นส่งเสริมนวัตกรรม เพิ่มความเข้มแข็งอย่างครบวงจร เริ่มจากฐานเกษตรกรรม เกิดเป็น “นวัตกรรมเพื่อการเกษตรยั่งยืน” โดยผลผลิตการเกษตรที่ปลูก จะนำไปสู่นวัตกรรมด้านอาหารรวมไปถึงการปรับปรุงคุณภาพผ่านงานวิจัยขั้นสูงที่เป็นนวัตกรรมการแพทย์ ส่วนของเสียจากระบบเกษตรกรรม ยังสามารถนำไปสู่นวัตกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพ จนไม่เหลือของเสียใดๆ ในระบบสิ่งแวดล้อม สวทช.ยังเตรียมความพร้อมของบุคลากรและความรู้สำหรับ ระบบขนส่งสมัยใหม่ ที่จับต้องได้จากการนำนวัตกรรมที่เหมาะสมลงสู่พื้นที่ชุมชนทั่วทุกภูมิภาค เพื่อเสริมความเข้มแข็งและเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างยั่งยืน”

          ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวต่อว่า สำหรับ“งานวิจัยประเด็นมุ่งเน้น” สวทช. ได้ดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ของ สวทช. ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2560-2564) โดยให้ความสำคัญกับการสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม ด้วยงานวิจัยที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ใน 5 ด้าน ได้แก่ 1) อาหารเพื่ออนาคต เพื่อส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 2) ระบบขนส่งสมัยใหม่ ที่มีเป้าหมายการต่อยอดเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนระบบราง และอุตสาหกรรมอากาศยานไร้คนขับและชิ้นส่วนอากาศยาน เป็นต้น 3) การสร้างเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตคนไทย เพื่อพัฒนานวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ สุขภาวะของผู้สูงอายุ ผู้พิการกับบริการด้านสุขภาพและสาธารณสุขของประเทศ 4) เคมีชีวภาพและเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ โดยมุ่งสร้างอุตสาหกรรมชีวเคมีภัณฑ์มูลค่าสูง จากฐานความหลากหลายทางชีวภาพที่เป็นจุดแข็งของประเทศ และ 5) นวัตกรรมเพื่อการเกษตรยั่งยืน ที่จะพัฒนาพันธุ์พืชให้มีผลผลิตสูง มีคุณค่าทางโภชนาการและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ รวมทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมส่งผลให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตและมีรายได้ดีขึ้น ส่วนผู้บริโภคก็มีอาหารที่ปลอดภัยและมีสุขภาพดี

          ภายในงานจะมีการสัมมนาที่น่าสนใจจากผู้ทรงคุณวุฒิมากกว่า 40 เรื่อง มีตัวอย่างผลงานวิจัย อาทิ การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยสมองเสื่อม “เกมฝึกสมอง” (MONICA) สำหรับช่วยกระตุ้นและฝึกสมองผู้สูงอายุ ด้านสมาธิ ความจำ การเรียนรู้ ผลิตภัณฑ์ “ผ้ากระตุ้นสมอง” (AKIKO) ซึ่งเป็นผ้าห่มที่มีความอ่อนนุ่มและสวยงาม ช่วยทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกผ่อนคลาย ลดความกระวนกระวาย ผลงาน Super Lysozyme จากไข่ขาว ที่มีฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรียที่ทำให้อาหารเน่าเสียที่มีความสำคัญในระบบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและปศุสัตว์ ผลงานระบบถอดความเสียงพูดแบบทันต่อเวลาผ่านระบบสื่อสารทางไกล ที่ช่วยให้คนพิการทางการได้ยินและผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยิน สามารถเข้าใจเนื้อหาข้อมูลในการประชุมสัมมนาหรือรายการโทรทัศน์ได้

          ตลอดการจัดงาน 5 วันนั้น ยังมีกิจกรรมที่หลากหลายอีกมากมายทั้งการเปิดบ้าน สวทช. ให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนเยี่ยมชมผลงานวิจัยและห้องปฏิบัติการที่มีเครื่องมือเครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย พร้อมให้คำปรึกษาให้แก่ภาคอุตสาหกรรม ในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียกระดับคุณภาพของสินค้าและบริการ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้ หรือ S&T Job Fair มหกรรมรับสมัครงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกว่า 2,000 ตำแหน่ง กิจกรรมการทดลองทางวิทยาศาสตร์หลากหลายในรูปแบบนอกห้องเรียน พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์จากนวัตกรรมและชุมชนที่นำมาจำหน่ายเป็นจำนวนมาก ผู้สนใจลงทะเบียนร่วมงานไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ที่ www.nstda.or.th/nac หรือ โทร. 0 2564 8000

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก