ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

หัวใจไม่เคยแพ้ “เจ้าขลุ่ย” หนุ่มพิการไม่ย่อท้อขับรถเอง400 กว่ากม. แข่งวีลแชร์ “บุรีรัมย์มาราธอน”

วันที่ลงข่าว: 13/02/18
         นายสังคีต ศรีพระราม พิการขาทั้ง 2 ข้างให้ตั้งแต่กำเนิด
          จบลงไปอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับ การแข่งขันบุรีรัมย์มาราธอน 2018  ที่จังหวัดบุรีรัมย์เนรมิตถนนรอบเมืองเป็นสังเวียนชิงชัย ด้วยการปิดถนนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม ตั้งแต่เวลา 03.00 น. -11.00 น. ให้คอมาราธอนได้โชว์ฝีเท่ากันแบบจัดเต็ม  โดยแชมป์มาราธอน โอเวอร์ออล ระยะ 42.198 กิโลเมตร ทั้งชายและหญิงตกเป็นของ ปอดเหล็กชาวเคนย่า ซึ่งฝ่ายชาย คิร์วา นิโคลาส เวลา  02.21.02 ชั่วโมง และฝ่ายหญิง โรทิช แนนซี่ โจนส์ เวลา 02.48.49 ชั่วโมง แต่นั่นคงไม่สาระสำคัญของอีกต่อไป
บุรีรัมย์ มาราธอนครั้งนี้ ยังปรากฏชื่อของ  “เจ้าขลุ่ย” สังคีต ศรีพระราม ชายวัย 29 ปี ชาวจังหวัดสมุทรปราการที่ถูกโชคชะตายัดความพิการขาทั้ง 2 ข้างให้ตั้งแต่กำเนิด แต่เจ้าตัวกับไม่ได้มองว่าตัวเองด้อยค่ากว่าผู้ใด และพร้อมจะพิสูจน์ให้โลกได้รู้ทุกครั้งที่มีโอกาส
          เช่นเดียวกับครั้งนี้ “พี่ขลุ่ย” หิ้ววีลแชร์คู่ใจ ควบรถลุยเดี่ยว จากสมุทรปราการ กว่า 5 ชั่วโมง ปลายทางคือ จังหวัดบุรีรัมย์ หมายมั่นจะร่วมประชันความอึดในมาราธอน ระยะ 42.198  กิโลเมตร ใน “บุรีรัมย์มาราธอน 2018”
“ปกติก็มีทีมไปวิ่งตลอด แต่บางทีก็มาคนเดียวบ้าง อย่างครั้งนี้ ก็ตัดสินใจขับรถมาคนเดียว” พี่ขลุ่ย เริ่มเปิดฉากการสนทนา
          “จริงๆแล้วจุดเริ่มต้นมันมาจากผมอยากให้ทุกคนได้รู้ว่าผมสามารถทำได้อย่างที่คนปกติธรรมดาทั่วไปทำกัน ผมพยายามทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้มาตลอด ไม่เคยมองว่าเราโชคร้ายกว่าใคร แต่กลับมองว่าดีซะอีก เราจะได้พยายามทำมากกว่าคนอื่น และอยากจะเป็นกำลังใจให้คนที่เป็นเหมือนผมเห็นว่าเราก็ใช้ชีวิตต่อไปได้ ซึ่งผมเพิ่งเริ่มวิ่งแบบจริงๆจังๆได้ประมาณ 1 ปี เท่านั้น” พี่สังคีต เล่าต่อไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข
          “แรงบันดาลใจในการออกกำลังกายสำหรับผม คืออยากให้คนที่เป็นเหมือนผมกับมารักสุขภาพ กล้าที่จะออกมาพบปะผู้คน อยากให้พี่ๆสู้เหมือนผม ผมมองว่าความพิการไม่ใช่เรื่องน่าอาย ทั้งนี้อีกสาเหตุที่เริ่มก็เพราะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มอ้วน ก่อนหน้านี้น้ำหนักตัว 100 กก. กว่า และรู้สึกว่าตัวเองเคลื่อนตัวลำบาก ก็คงเหมือนคนทั่วไปที่อยากหุ่นดี โดยเริ่มจากการวิ่งรายการ “วิ่งไปด้วยกัน” ที่คนพิการร่วมวิ่งกับคนปกติทั่วไป ในปี2560 หลังจากนั้นก็เริ่มมีกลุ่มเพื่อนที่ชอบวิ่งเหมือนกัน จากนั้นก็วิ่งเรื่อยมา เพราะรู้สึกดีนะ ทุกครั้งที่ได้ออกมาวิ่งพบปะผู้คน พบเพื่อนฝูงที่ชอบในการวิ่งเหมือนกัน ทำให้เรามีความสุขทุกครั้ง”
           ปัจจุบัน “พี่ขลุ่ย” ทำงาน อยู่โรงพยาบาลเทพธารินทร์ ถนน พระราม4 ในตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ฝึกอบรม และพัฒนาบุคลากร และเมื่อว่างก็ไม่เคยพลาดที่จะควบวีลแชร์คู่ใจไปตามท้องถนน
          “จากวิ่งในระยะมินิมาราธอนซักระยะ ก็เริ่มขยับมาวิ่ง ฮาฟมาราธอน กระทั่งเป็นมาราธอน โดยมาราธอนแรกคือ เมืองไทย มาราธอน ในปี 2016 แล้วก็วิ่งเรื่อยมา กระทั่งมาถึงบุรีรัมย์ มาราธอน” ถือเป็นมาราธอนที่ 6 ซึ่งครั้งนี้ทำเวลาได้ 3.23.34 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าดีที่สุดตั้งแต่วิ่งมาราธอนมาเลยก็ว่าได้” พี่ขลุ่ย กล่าวพร้อมแววตาแห่งความสุข
          แน่นอนว่าทุกคนย่อมมีเป้าหมายและความฝัน ชายผู้นี้ก็เป็นมนุษย์ธรรมคนหนึ่งที่มีความฝันเช่นเดียวกับคนทั่วไป “ผมมีความฝัน มีเป้าหมาย คือการขยับขึ้นไปวิ่งในระยะ 100 -200 กิโลเมตร นั่นคือเป้าหมายสูงสุด และขยับขึ้นไปติดทีมชาติถ้ามีโอกาส”
          เป็นกำลังใจให้ “พี่ขลุ่ย” สังคีต ศรีพระราม และเชื่อว่าทุกคนคงพร้อมจะมอบทุกกำลังใจให้ คนพิการหัวใจเกินร้อยรายนี้สู้ต่อไป
ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2561
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก

Fatal error: Call to undefined function drupal_get_path() in /usr/local/www/apache22/data/Braille-new/sites/all/modules/better_statistics/better_statistics.module on line 181