ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำพูน เปิดตลาดนัดภูมิปัญญา กาดหมั้ว คัวฮอม ผญ๋าคนหละปูน เพื่อเสริมสร้างคุณค่าให้ผู้สูงอายุ และเกิดการถ่ายทอดภูมิปัญญาจากผู้สูงอายุสู่คนรุ่นหลัง

วันที่ลงข่าว: 05/02/18

          วันที่ 3 ก.พ. 61 นายวรยุทธ เนาวรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานเปิดกิจกรรมตลาดนัดภูมิปัญญาผู้สูงอายุจังหวัดลำพูน “กาดหมั้ว คัวฮอม ผญ๋าคนหละปูน” ซึ่งสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำพูนจัดขึ้น โดยมีนางแจ่มจันทร์ เกียรติกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำพูน หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ประชาชน ให้การต้อนรับ ทั้งนี้นางแจ่มจันทร์ เกียรติกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำพูน กล่าวว่า ผู้สูงอายุ คือทรัพยากรบุคคลที่มีความรู้ ประสบการณ์ มากด้วยคุณค่าจากภูมิปัญญาที่มีอยู่ จังหวัดลำพูนมีผู้สูงอายุในลำดับต้นของประเทศและได้เตรียมการรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยมีกิจกรรมโครงการเกี่ยวกับผู้สูงอายุ และมีการจัดตั้งชมรมคลังปัญญาผู้สูงอายุจังหวัดลำพูนขึ้น ดังนั้น สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำพูน จึงดำเนินโครงการสร้างสรรค์ภูมิปัญญา เพิ่มมูลค่าเดินหน้าสู่ OTOP เป็นตลาดนัดภูมิปัญญา ซึ่งจะดำเนินกิจกรรม จำนวน 10 ครั้ง โดยจะจัดขึ้นในวันเสาร์และอาทิตย์แรกของเดือน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนมิถุนายน 2561 รวมทั้งสิ้น 10 ครั้ง

          สำหรับกิจกรรมตลาดนัดภูมิปัญญา หรือภาษาถิ่นเรียก “กาดหมั้ว คัวฮอม ผญ๋าคนหละปูน” จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างคุณค่าให้ผู้สูงอายุ สร้างประโยชน์ให้สังคม เกิดการถ่ายทอดภูมิปัญญาจากผู้สูงอายุสู่คนรุ่นหลัง และยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ลดภาวการณ์พึ่งพิงจากลูกหลาน กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การจัดร้านสินค้าจากผลิตภัณฑ์ของผู้สูงอายุ จำนวน 10 ร้าน และคนพิการ จำนวน 5 ร้าน นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนภูมิปัญญาของคลังปัญญาผู้สูงอายุ คือ ภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทยและสาธารณสุข ด้านเกษตรกรรม ด้านอุตสาหกรรมและหัตกรรม ด้านศิลปวัฒนธรรม รวมทั้งการสาธิตของคลังปัญญาผู้สูงอายุแต่ละด้านให้กับผู้สนใจที่มาร่วมงาน โดยมีกลุ่มเป้าหมายร่วมงานครั้งละ จำนวน 100 คน จังหวัดลำพูนเปิดตลาดนัดภูมิปัญญา กาดหมั้ว คัวฮอม ผญ๋าคนหละปูน เพื่อเสริมสร้างคุณค่าให้ผู้สูงอายุ และเกิดการถ่ายทอดภูมิปัญญาจากผู้สูงอายุสู่คนรุ่นหลัง

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก