นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสานพลังประชารัฐ ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานภาครัฐ และนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการกลุ่มมิตรผล หัวหน้าทีมภาคเอกชน เป็นประธานภาคเอกชน ร่วมกับหัวหน้าทีมภาคเอกชน 12 คณะ ได้ติดตามความก้าวหน้าของงานโครงการขับเคลื่อนประเทศตามแนวทางประชารัฐช่วง 2 ปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างมากหลายโครงการ เช่น การศึกษา การพัฒนาคน อาชีวะจนเกิดความยอมรับจากหลายส่วน พร้อมวางกรอบแผนงานในปี 2561 เพื่อใช้ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการดึงภาคเอกชนเข้ามีบทบาทมากขึ้น โดย คณะกรรมการสานพลังประชารัฐ ให้เดินหน้า 3 ด้าน คือ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยจะให้สถาบันการศึกษาเข้ามาทำงานวิจัยชุมชน เช่น นักศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาโทลงพื้นที่ทำงานวิจัยเพิ่มขีดความสามารถให้กับประชาชน เน้นการทำวิจัยกินได้ คือ ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนได้ตรงจุดและนำไปใช้ได้ การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และการพัฒนาคุณภาพคน ซึ่งทั้งหมดจะทำผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการทัวร์ริมโขง การท่องเที่ยวแม่น้ำโขง 7 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือในระดับสากล , โครงการไทยเท่ทั่วไทย นำวัฒนธรรมท้องถิ่นมาผนวกกับนวัตกรรม ดิจิทัล และเทคโนโลยี , โครงการพัฒนาภาคเกษตรผ่านโครงการแปลงใหญ่ประชารัฐเกษตรสมัยใหม่ เพื่อยกระดับเกษตรกรสู่ Smart Farmer รวมทั้งเสนอให้รัฐบาลแก้ปัญหาเพื่อปลดล็อคกฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค เช่น กำหนดแนวปฏิบัติภายใต้พระราชบัญญัติวิสาหกิจชุมชนฯให้ชัดเจน , เร่งผลักดันการออกร่างพระราชบัญญัติการวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติฯ การเปิดโอกาสให้คนพิการทั่วประเทศกว่า 1.6 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 2 ของประชากรทั้งหมด ได้เข้าทำงานและรับค่าจ้าง 300 บาทต่อวัน เมื่อได้ข้อสรุปข้อเสนอทั้งหมดชัดเจนแล้วจะรายงานนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีรับทราบต่อไป

          ขณะที่นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการกลุ่มมิตรผล หัวหน้าทีมภาคเอกชน กล่าวว่า ขยายกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้ามามากขึ้น การเพิ่มผลผลิตเพื่อลดต้นทุนลง ด้วยการดึงองค์ความรู้ลงชุมชนและเอสเอ็มอี ทั้งการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมาสร้างมูลค่าเพิ่ม