ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

สคร.12 สงขลา แนะประชาชนป้องกันการจมน้ำจากเหตุอุทกภัยในหลายพื้นที่

วันที่ลงข่าว: 07/12/17

          สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา แนะประชาชนป้องกันการจมน้ำจากเหตุอุทกภัยในหลายพื้นที่

          ดร.นายแพทย์สุวิช ธรรมปาโล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ฝนตกหนักและเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ทำให้มีคนจมน้ำเสียชีวิตหลายราย ซึ่งจากการลงพื้นที่สอบสวนสาเหตุการจมน้ำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ พบว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของการจมน้ำเกิดจากพฤติกรรมที่มีความประมาท แม้ว่าจะว่ายน้ำเป็น แต่ความแรงของกระแสน้ำอาจทำให้หมดแรง และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ความเย็นของน้ำทำให้เกิดตะคริวได้ หากแช่น้ำนานเกินไป ทั้งนี้การจมน้ำเกิดขึ้นได้กับคนที่ว่ายน้ำเป็นและว่ายน้ำไม่เป็น ทุกเพศทุกวัย รวมทั้งลักษณะและสภาพแวดล้อมบริเวณแหล่งน้ำ หากเกิดฝนตกหนักและมีน้ำท่วมก็จะอันตรายมากยิ่งขึ้น

          สำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือลดผลกระทบจากอุบัติเหตุจมน้ำ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดฝนตกหนัก ประชาชนควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตขณะเกิดน้ำท่วม เช่น ขับรถยนต์ จักรยานยนต์ เดิน ว่ายน้ำ ตกปลาหรือหาปลา เด็กไม่ควรลงเล่นน้ำในช่วงนี้เด็ดขาด ผู้ปกครองไม่ควรปล่อยให้เด็กเล็กอยู่ตามลำพัง อาจเกิดพลัดตกน้ำได้ เพราะน้ำอาจลึก ไหลเร็วและแรงกว่าที่เห็น อาจมีเศษหิน เศษปูนจมอยู่ใต้น้ำ รวมถึงพื้นผิวถนนที่จมอยู่อาจถูกน้ำกัดเซาะหายไปได้

ประชาชนที่ประกอบอาชีพทางน้ำ ควรเดินทางเป็นกลุ่มและต้องสวมเสื้อชูชีพ หรือเตรียมอุปกรณ์อื่นๆ ที่ช่วยในการลอยตัวในน้ำได้ เช่น ห่วงยาง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกรณีการถูกไฟฟ้าดูด การถูกแมลงมีพิษกัดต่อย ซึ่งอาจทำให้บาดเจ็บรุนแรง พิการหรือเสียชีวิตได้ ก่อนน้ำท่วมเข้าภายในบ้าน หรือบริเวณบ้านให้รีบขนย้ายอุปกรณ์ไฟฟ้าและสิ่งของจำเป็นไว้ที่สูง หรือที่ปลอดภัย น้ำท่วมไม่ถึงและถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน

          ดร.นายแพทย์สุวิช ธรรมปาโล กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากอุบัติเหตุจมน้ำที่ต้องระวังในช่วงที่เกิดน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลาก ยังต้องเฝ้าระวังโรคต่างๆ ที่มักพบในช่วงน้ำท่วม เช่น โรคฉี่หนู โรคตาแดง โรคอุจจาระร่วง ซึ่งเชื้อโรคต่างๆ สามารถแพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็ว หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการป้องกันตนเองจากโรคและภัยสุขภาพต่างๆ ในช่วงที่เกิดน้ำท่วม สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก