ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประจำปีการศึกษา 2559 เป็นวันแรก

วันที่ลงข่าว: 04/12/17

          วันที่ 1 ธ.ค.2560  เวลา 16.39 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปยังหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประจำปีการศึกษา 2559 เป็นวันแรก

ในโอกาสนี้ พระราชทานพระราโชวาท

          ในปีนี้ สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิติมศักดิ์ สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระปรีชาสามารถเป็นที่ประจักษ์ ในเรื่องเครื่องกลอากาศยาน ซึ่งสนพระราชหฤทัยมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ทรงฝึกการบิน และทรงผ่านหลักสูตรการบินแบบต่างๆ มาทุกแบบ อีกทั้งทรงนำความทรงพระปรีชาสามารถทางด้านการบิน ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์อย่างต่อเนื่อง

โดยวันนี้มีผู้ทรงคุณวุฒิเข้ารับพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์ จำนวน 4 คน มีผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จำนวน 3,240 บาท

          มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีนโยบายสนับสนุนงานวิจัยและนวัตกรรมอย่างจริงจัง ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมา คณาจารย์และนักวิจัยของมหาวิทยาลัยฯ ได้สร้างผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่โดดเด่น จนได้รับรางวัลด้านการวิจัยทั้งระดับชาติและนานาชาติมากกว่า 100 รางวัล โดยเป็นรางวัลสิ่งประดิษฐ์ระดับนานาชาติ 24 รางวัล หนึ่งในจำนวนนั้นคือ รางวัล Grand Price จาก Internetional Invention Exhibtion Geneva 2017 ซึ่งประเทศไทยไม่เคยมีใครได้มาก่อน นอกจากนี้ยังมีผลงานวิจัยที่เป็นนวัตกรรมที่ได้รับสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์และต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์สู่ประชาชนได้จริงอีกมากมาย อาทิ การตรวจคัดกรองผู้ป่วยโรคเบาหวานขึ้นจอตา โดยใช้แอปพลิเคชันสมาร์ตโฟน พาราโวลา วัสดุดูดซับน้ำมันจากยางพาราในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และอุปกรณ์ช่วยฝึกเดินสำหรับผู้พิการและผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังมุ่งสู่ความเป็นนานาชาติ ปัจจุบันมีคู่สัญญากับมหาวิทยาลัยต่างประเทศจำนวน 250 แห่ง มีหลักสูตรนานาชาติ 95 หลักสูตร และได้รับการประเมินมาตรฐานคุณภาพระดับสากล 5 ดาว จากสถาบันคิวเอส ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับและประเมินมาตรฐานด้านการศึกษาในระดับสากล

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก