ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

อธิบดีกรมสุขภาพจิต เป็นประธานมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์พระราชทานในนามาภิไธย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีให้แก่เด็กพิการและผู้พิการในจังหวัดเลย

วันที่ลงข่าว: 04/12/17

          วันที่ 1 ธ.ค. 60 นาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เป็นประธานในพิธีมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์พระราชทานในนามาภิไธย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ห้องประชุม 3 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลย โดยมีนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานในการกล่าวต้อนรับ มีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมพิธี ประกอบด้วย รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชเลยราชนครินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดเลย พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเลย

           นายเดช วัฒนาวิทยานุกูล นายกสโมสรโรตารีเมืองเลย กล่าวว่า โครงการมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์พระราชทานในนามาภิไธย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นความร่วมมือระหว่างสโมสรโรตารีเมืองเลย กับ สโมสรโรตารีอุตรดิตถ์ ที่เล็งเห็นความสำคัญของผู้พิการทุกเพศทุกวัยของจังหวัดเลย จึงได้จัดทำโครงการนี้เพื่อช่วยเหลือผู้พิการทางการเคลื่อนไหวให้สามารถใช้ชีวิตในประจำวันได้อย่างปกติ มีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสถาบันพัฒนาการเด็ก ราชนครินทร์จังหวัดเชียงใหม่ อาสาสมัครมูลนิธิราชนครินทร์ และบริษัท ไอซีซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในการสนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์ให้กับเด็กพิการและผู้พิการในจังหวัดเลย สำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์พระราชทานฯ ที่นำมามอบในครั้งนี้ เป็นรถวีลแชร์เฉพาะบุคคล เนื่องจากจะมีการตรวจวัดขนาดตัว ผู้พิการเป็นราย ๆ เพื่อประกอบรถเข็นนั่งให้มีขนาดและรูปแบบเหมาะสมกับความพิการความสะดวกในการใช้งานของผู้พิการแต่ละราย นอกจากนี้ภายในงานยังมีการจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้และตรวจสุขภาพของผู้พิการที่มาร่วมงานอีกด้วย

          โอกาสเดียวกันนี้ นาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การที่ทุกภาคส่วนมีความตระหนักและให้ความสำคัญกับเด็กพิการและผู้พิการ ด้านการเคลื่อนไหว แขน ขา ลำตัว ผู้พิการทางสายตา ผู้พิการทางการได้ยิน ผู้พิการทางสมอง รวมถึงเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้า นับเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้กลุ่มคนเหล่านี้รวมถึงผู้ที่จะต้องดูแลกลุ่มคนเหล่านี้ สามารถช่วยเหลือตนเองได้มากขึ้น มีพลังสุขภาพดีทั้งทางด้านร่างกายและสุขภาพจิตที่สมบูรณ์พร้อมที่จะสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก