ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

คณะกรรมการฝ่ายจัดนิทรรศการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สรุปภาพรวมการเปิดนิทรรศการพระราชพิธีช่วงสัปดาห์ที่ 3 มีผู้เข้าชมกว่า 1 ล้าน 3 แสนคน

วันที่ลงข่าว: 21/11/17

        คณะกรรมการฝ่ายจัดนิทรรศการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สรุปภาพรวมการเปิดนิทรรศการพระราชพิธีช่วงสัปดาห์ที่ 3 มีผู้เข้าชมแล้วกว่า 1 ล้าน 3 แสนคน พร้อมปรับระบบการดูแลนักเรียนที่มาเป็นหมู่คณะให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 06.00 น.วันพรุ่งนี้เป็นวันแรก

        พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดนิทรรศการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร กล่าวว่า จากการประชุมสรุปภาพรวมการเปิดนิทรรศการพระราชพิธีช่วงสัปดาห์ที่ 3 พบว่าภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยประชาชนต่างให้ความร่วมมือปฎิบัติตามคำแนะของเจ้าหน้าเข้าชมพระเมรุมาศและนิทรรศการเป็นอย่างดี รวมผู้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 2 - 19 พฤศจิกายน จำนวน 1,352,502 คน โดยเฉพาะในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ที่เป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์มีผู้เข้าชมมากกว่าวันละ 100,000 คน ซึ่งคณะทำงานและเจ้าหน้าพร้อมอำนวยความสะดวกทุกๆ ด้าน โดยเน้นรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ได้สั่งการให้ปรับช่วงเวลาการเข้าชมของคณะนักเรียน เนื่องจากพบว่าในแต่ละวันมีผู้มารอเข้าชมตั้งแต่ก่อนเวลา 05.00 น. โดยได้จัดเตรียมอาหารไว้บริการและจะเปิดให้เข้าชมก่อนเวลาตั้งแต่เวลา 06.00 น.ในวันพรุ่งนี้เป็นวันแรก ขณะที่ประชาชนทั่วไปที่มาก่อนเวลาจะเปิดให้เข้ามายังจุดพักคอยเร็วขึ้น และเนื่องเป็นช่วงที่มีพายุฝนตกต่อเนื่องจึงขอให้ผู้จะเข้าชมพระเมรุมาศเตรียมตัวให้พร้อม ส่วนประชาชนที่มาเป็นหมู่คณะ ขอให้แจ้งล่วงหน้ามาที่สายด่วนวัฒนธรรม 1765 เพื่อประสานงานกำหนดจุดนัดพบเพื่อเข้าชมพระเมรุมาศเป็นกลุ่ม ซึ่งเฉลี่ยต่อวันมีจำนวนกว่า 10,000 คน

         รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการจัดนิทรรศการพระเมรุมาศครั้งนี้ ถือว่ามีประชาชนสนใจมากขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษาที่มียอดเข้าชมมากกว่า 2 แสนคน รวมถึงผู้พิการกว่า 2 หมื่นคน ซึ่งถือเป็นการเข้ามาศึกษาหาความรู้ ให้มีความรักชาติ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อย่างไรก็ตาม ได้ส่งหนังสือเพื่อขยายวันจัดนิทรรศการออกไปจนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2560 เสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก