นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาโครงการศึกษาสำรวจ เพื่อการประเมินและให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงและออกแบบโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งสาธารณะเพื่อคนพิการ เด็ก และผู้สูงอายุของกระทรวงคมนาคม ระยะที่ 3 ว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ.2560-2564 โดยให้ความสำคัญกับการกำหนดทิศทางการพัฒนาจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางสู่ประเทศที่มีรายได้สูง มีการกระจายรายได้และพัฒนาอย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นเป้าหมายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับปัจจุบัน คือ การมุ่งลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมและสนับสนุนให้คนพิการ หรือผู้ที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือในการดำเนินชีวิตและการเดินทาง และให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อมในการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีกำหนดให้ทุกส่วนราชการพิจารณาเร่งรัด การสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่คนพิการ ผู้สูงอายุ รวมถึงทุกคนในสังคมให้แล้วเสร็จอย่างเร่งด่วน

         สำหรับแผนในการดำเนินโครงการ แบ่งเป็น 4 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 ในปีงบประมาณ 2558 ได้ดำเนินการในพื้นที่ 9 จังหวัด ในภาคตะวันออก กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ระยะที่ 2 ในปีงบประมาณ 2559 ได้ดำเนินการในพื้นที่ 10 จังหวัด ในภาคตะวันตก และภาคใต้ ระยะที่ 3 ในปีงบประมาณ 2560 ได้ดำเนินการในพื้นที่ 15 จังหวัด ในภาคเหนือ และภาคกลาง และระยะที่ 4 จะดำเนินการในอีกพื้นที่ 9 จังหวัด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะดำเนินการในปีงบประมาณปี 2561 ซึ่งขณะนี้ได้ทำการศึกษาไปแล้ว 34 จังหวัด และในปีที่ผ่านมาได้เริ่มดำเนินการที่จะปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกในกรุงเทพมหานคร ในส่วนของ 5 พื้นที่ ประกอบด้วย ท่าอากาศยานดอนเมือง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สถานีขนส่งสายใต้ สถานีรถไฟฟ้า และสถานีรถไฟนครปฐม ทั้งนี้ การศึกษาในส่วนของระยะที่ 3 ได้ทำการศึกษาออกแบบพร้อมประมาณราคาก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว ที่ท่าเรืออ่าวฉลอง จังหวัดภูเก็ต ท่าเรือมารีน่า และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ถือเป็นโครงการต้นแบบ โดยจะเริ่มดำเนินการในส่วนที่มีความสำคัญที่มีผู้ใช้บริการเป็นคนพิการ และผู้สูงอายุจำนวนมากก่อนเป็นอันดับแรก

        สำหรับแนวโน้มประชากรคนพิการและผู้สูงอายุของประเทศไทยมีแนวโน้มที่สูงขึ้น โดยข้อมูลจากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ณ วันที่ 15 กันยายน 2560 มีจำนวนคนพิการ จำนวน 1,808,524 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 2.66 ของประชากรทั้งประเทศ ทั้งนี้ แนวโน้มมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปีและจากการคาดการณ์ประชากรของประเทศไทย ปี 2553-2583 ของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่าโครงสร้างประชากรไทยมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัย กลุ่มผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจำนวน 10.3 ล้านคน หรือร้อยละ 16.2 ในปี พ.ศ.2558 / เป็น 20.5 ล้านคน หรือร้อยละ 32.1 ในปี พ.ศ.2583 และคาดว่าประเทศไทยกำลังจะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ในปี 2564