ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

รัฐบาล ทดสอบระบบเข้าชมพระเมรุมาศและนิทรรศการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

วันที่ลงข่าว: 02/11/17

         พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการทดสอบระบบการเข้าชมนิทรรศการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ก่อนที่จะเปิดให้ประชาชนได้เข้าชมในวันพรุ่งนี้ (2 พ.ย.60) โดยรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชานุญาตให้รัฐบาลดำเนินการจัดนิทรรศการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ระหว่างวันที่ 2 - 30 พฤศจิกายน ในการนี้ ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานเปิดนิทรรศการในเวลา 07.00 น.ทั้งนี้ จากการทดสอบถือว่าเป็นไปได้ความเรียบร้อยมีความพร้อมทุกๆ ด้านและเนื่องจากพระเมรุมาศก่อสร้างขึ้นเพื่อการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างพระเกียรติ ดังนั้นผู้ที่เข้ามาภายในพื้นที่จึงควรปฎิบัติตัวอย่างเหมาะสมอยู่ในอาการสำรวม แต่งกายในชุดที่สุภาพ เข้าชมได้อย่างอิสระ โดยสามารถถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึกได้และอยู่ในเวลาที่กำหนดรอบละ 45 นาที เมื่อเข้ามาภายในพื้นที่จะได้รับแผ่นพับพระเมรุมาศและโปสการ์ดที่ระลึกภาพพระเมรุมาศ 9 แบบ เปิดให้ขึ้นชมพระเมรุมาศได้ถึงชั้นชานชาลาที่ 2 จากนั้นจึงปิดการทดสอบเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับเสด็จโดยประชาชนสามารถเข้าพระเมรุมาศผ่านจุดคัดกรองรอบท้องสนามหลวง 5 จุดเมื่อถึงด้านหน้าทางเข้าจะแบ่งเป็นกลุ่มประชาชน นักท่องเที่ยว พระสงฆ์และผู้พิการ คาดว่าแต่ละวันจะมีประชาชนเข้ามากว่า 1 แสนคน และตลอด 1 เดือนจะมีผู้เข้าชมกว่า 3 ล้านคนและเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาจัดแสดงนิทรรศการแล้วพบว่า มีประชาชนสนใจเข้าพระเมรุมาศ จะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและทำหนังสือกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตต่อไป

      สำหรับการเปิดทดสอบระบบครั้งนี้มีข้าราชการภาคส่วนต่างๆ เครือข่ายทางวัฒนธรรม ผู้พิการ เครือข่ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จิตอาสาจัดสร้างพระเมรุมาศ และสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ได้มาทดลองระบบการเข้าชมนิทรรศการดังกล่าว ซึ่งการทดสอบครั้งนี้ได้เปิดรอบจำนวน 3 รอบๆ ละ 5,500 คน แบ่งเป็น รอบ 08.00 น. 09.00 น. และรอบ 10.00 น.

 

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก