ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ผนึกกำลัง 20 องค์กร จัดการศึกษานอกโรงเรียนเพื่อผลิตและพัฒนาคนให้ตรงตามความต้องการตลาดแรงงาน

วันที่ลงข่าว: 16/10/17

        วันที่ 12 ต.ค. 60 ที่วิทยาลัยการอาชีพตะกั่วป่า อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา นายชุมพล รัตนกระจ่าง ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพตะกั่วป่า พร้อมด้วยผู้แทนจาก ภาครัฐ และเอกชน กว่า 20 แห่ง ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การจัดการศึกษาระบบทวิศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา มัธยมศึกษา และการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาทวิภาคีและทวิศึกษาในสถานประกอบการ

        นายชุมพล รัตนกระจ่าง กล่าวว่า การศึกษาด้านอาชีวะ กำลังจะขับเคลื่อนการเรียนการสอนไปในรูปแบบที่ใช้งานได้จริง รวมทั้งมีการบูรณาการและเปิดโอกาสการจัดการศึกษาอาชีวศึกษา ให้มีความหลากหลายขยายโอกาสในการเข้าถึงองค์ความรู้ และการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ในกลุ่มเด็กและเยาวชนทุกภาคส่วนของประเทศ ให้กว้างขวางและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็หมายความว่า การศึกษาในระดับอาชีวศึกษา ก็จะพัฒนาการเรียนรู้ได้ก้าวไกล พัฒนาไปสู่อนาคตที่ดีเป็นความภาคภูมิใจของวิทยาลัยการอาชีพตะกั่วป่า ที่เด็กได้ศึกษาเล่าเรียนและจบไปประกอบอาชีพอิสระได้จริง และมีประสิทธิภาพได้มาตรฐานตรงตามความต้องการของแรงงาน

        เพื่อเป็นการสนับสนุนการจัดการศึกษาระดับ อาชีวศึกษาในด้านอาชีพที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 และแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560-2579 ได้กำหนดยุทธศาสตร์การผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา ที่มีเป้าหมายและอุดมการณ์ในการผลิตและพัฒนากำลังคนในด้านวิชาชีพระดับฝีมือ ระดับเทคนิค และระดับเทคโนโลยี ซึ่งแผนพัฒนาการอาชีวศึกษามีวิสัยทัศน์ของ “ผู้สำเร็จการอาชีวศึกษาและฝึกอบรมวิชาชีพมีคุณธรรม คุณภาพ สอดคล้องกับความต้องการในการพัฒนาประเทศ” เพื่อเป็นการยกระดับการศึกษา วิชาชีพ ยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนการสอน ที่สอดคล้องและเชื่อมโยงกับสถานประกอบการ โดยเน้นความร่วมมือในการจัดอาชีวศึกษาศึกษาระบบทวิภาคี และการฝึกอาชีพเตรียมความพร้อมกำลังคน รองรับประเทศไทย 4.0 และเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในส่วนของการตั้งรับและเชิงรุก ได้แก่ การเพิ่มขีดความสามารถทางภาษา และสมรรถนะกำลังคนอาชีวะให้มีมาตรฐานในระดับสากล เพิ่มโอกาสการเรียนและการฝึกอบรมวิชาชีพอาชีวศึกษาให้กับกลุ่มผู้อยู่นอกระบบ โดยนำความรู้ในทางทฤษฎีอันเป็นสากล และภูมิปัญญาไทย มาพัฒนาผู้รับการศึกษาให้มีความรู้ ความสามารถ ในทางปฏิบัติ และมีสมรรถนะจนสามารถนำไปประกอบอาชีพในลักษณะผู้ปฏิบัติหรือผู้ประกอบอาชีพโดยอิสระได้

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก