ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน “ยิ้มสู้ คาเฟ่” ของมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ พร้อมยกเป็นศูนย์กลางส่งเสริมอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในระดับภูมิภาคเอเชีย

วันที่ลงข่าว: 27/09/17

        รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน “ยิ้มสู้ คาเฟ่” ของมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ พร้อมยกเป็นศูนย์กลางส่งเสริมอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในระดับภูมิภาคเอเชีย

พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(รมว.พม.) เปิดเผยหลังเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน “ยิ้มสู้ คาเฟ่” ของมูลนิธิสากล ว่ากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ(พก.)และมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการได้ตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเริมอาชีพให้คนพิการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวันนี้ได้เปิดศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน “ยิ้มสู้ คาเฟ่” ของมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ เพื่อเป็นศูนย์กลางการส่งเสริมอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในระดับภูมิภาคเอเชีย และเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของคนพิการแก่ประชาชนทั่วไปอย่างกว้างขวาง ซึ่งการดำเนินงานของมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ ที่ได้ดำเนินงานให้บริการคนพิการทางด้านการศึกษา สังคม และสวัสดิการเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับว่าได้ช่วยแบ่งภาระของภาครัฐได้เป็นอย่างมาก อาทิ โครงการบ้านยิ้มสู้ สร้างโอกาสการศึกษาแก่เด็กเล็กผู้พิการ โครงการหอศิลป์ยิ้มสู้ที่จัดแสดงผลงานศิลปะ และผลิตภัณฑ์ของคนพิการ โครงการศูนย์บริการการถ่ายทอดและการสื่อสาร

       สำหรับคนหูหนวก TTRS โครงการศูนย์จัดหางานและฝึกอาชีพสำหรับคนหูหนวก โครงการจัดตั้งศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน และโครงการร้านกาแฟยิ้มสู้คาเฟ่ เพื่อส่งเสริมสิทธิและสวัสดิการของคนพิการ โดยเพิ่มสวัสดิการเบี้ยความพิการ การส่งเสริมการมีงานทำและการจ้างงานคนพิการ เพื่อมีรายได้และการมีงานทำของคนพิการ เพื่อให้คนพิการมีอาชีพ มีรายได้ สามารถเลี้ยงตนเองได้ โดยความร่วมมือในรูปแบบประชารัฐเพื่อสังคม รวมทั้งการสนับสนุนให้คนพิการได้รับบริการด้านการศึกษา บริการสุขภาพ การจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ โดยมีเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เป็นการเปลี่ยนคนพิการจาก “ภาระ” ให้เป็น “พลัง” ของครอบครัว สังคม และประเทศชาติต่อไป

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก