ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

เทศบาลตำบลห้วยยอด จัดโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการด้านสิทธิตามกฎหมาย ประจำปี 2560 เพื่อให้ผู้พิการและผู้ดูแลคนพิการมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิของผู้พิการตามกฎหมาย

วันที่ลงข่าว: 22/09/17

       วันนี้ (21 กันยายน 2560) ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลห้วยยอด จังหวัดตรัง นายกมล วรพงศ์พัฒน์ รองนายกเทศมนตรีตำบลห้วยยอด เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการด้านสิทธิตามกฎหมาย ประจำปี 2560 โดยมีนางนวนิจ สาคะโร รองปลัดเทศบาล กล่าวรายงาน ซึ่งเทศบาลจัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้พิการและผู้ดูแลคนพิการมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิของผู้พิการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การดูแลผู้พิการให้เหมาะสมตามประเภทความพิการ และเพื่อให้ผู้พิการสามารถเข้าถึงสิทธิบริการของรัฐที่เกี่ยวข้องได้อย่างทั่วถึง เพื่อให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีภายใต้ข้อจำกัดทางด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ตลอดจนเพื่อค้นหาเครือข่ายอาสาดูแลคนพิการในเขตเทศบาลในการเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและพัฒนางานด้านคนพิการในอนาคต โดยมีผู้พิการ ผู้ดูแลคนพิการ และเจ้าหน้าที่งานด้านผู้พิการเข้าร่วมอบรมจำนวน 60 คน ใช้ระยะเวลาในการอบรม 1 วัน โดยเนื้อหาการอบรมประกอบด้วย สิทธิของผู้พิการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และสิทธิผู้พิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลและการดูแลผู้พิการตามประเภทความพิการ ซึ่งได้รับการสนับสนุนวิทยากรจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และโรงพยาบาลห้วยยอด ซึ่งปัจจุบันผู้พิการที่จดทะเบียนเป็นผู้พิการในเขตเทศบาลฯ มีจำนวนทั้งสิ้น 243 ราย
       ทั้งนี้ โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการด้านสิทธิตามกฎหมาย จัดขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของเทศบาล ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 50 (6) ให้ราษฎรได้รับการศึกษาอบรม (7)ส่งเสริมการพัฒนาสตรีเด็กเยาวชน ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ประกอบกับวิสัยทัศน์และนโยบายของคณะผู้บริหารเทศบาลที่ต้องการให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งผู้พิการ ถือเป็นกลุ่มด้อยโอกาสในสังคมที่ควรได้รับการช่วยเหลือ สนับสนุน และการเอาใจใส่จากหน่วยงานที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ให้สามารถเข้าถึงสิทธิของผู้พิการได้ตามกฎหมาย การส่งเสริมให้ผู้พิการสามารถใช้ชีวิตได้อย่างคนปกติทั่วไปให้มากที่สุด เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาของครอบครัว ทำให้ผู้พิการใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ ไม่เป็นภาระของครอบครัวและสังคม รวมถึงการมีส่วนช่วยในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติต่อไป
 

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก