ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

“รุ่งโรจน์” นำทัพลูกเด้งไทยโค่นอิเหนาซิวทองสมัยที่ 7 ติดต่อกัน

วันที่ลงข่าว: 20/09/17

        โดยกีฬาไฮไลต์อยู่ที่ เทเบิลเทนนิส ที่สนามไมเทค ฮอลล์ 7 รายการน่าสนใจอยู่ที่ประเภททีมชาย คลาส ทีเอ็ม 6-7 พิการทางกาย รอบแข่งแบบพบกันหมด ทีมไทยที่ประกอบด้วย รุ่งโรจน์ ไทยนิยม ดีกรีเหรียญทองพาราลิมปิกเกมส์2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พร้อมด้วย เฉลิมพงษ์ พันภู่, สุริยนต์ ถาแปง และยุทธนา นามสง่า เก็บชัยชนะ 2แมตช์รวด ลงชิงชัยแมตช์ที่ 3พบ อินโดนีเซีย ที่มี อาจัง แซนังอบิดิน, เอ็นเซ็ง มุสโตปา และเจสัน จอร์ลี่ ซึ่งเอาชนะคู่แข่งรวมการแข่งขันมา 2 แมตช์เช่นกัน ดังนั้นเกมนี้เปรียบเสมือนแมตช์ตัดสินแชมป์ ทีมใดเก็บชัยได้จะผงาดคว้าเหรียญทองประเภททีมทันที 

 

        คู่แรกเป็นการพบกันระหว่างตบมือ 1 ของประเทศไทยรุ่งโรจน์ ไทยนิยม ปะทะ  อาจังแซนัง อบิดิน ของทัพอิเหนาช่วงต้นเกมคู่นี้คล้ายลูกเด้งไทยยังเครื่องไม่ร้อนทำให้มีช็อตตีเสียเองบ้าง แต่เจ้าตัวก็พยายามเร่งเครื่องงัดฟอร์มเจ๋งของตัวเองกลับมาก่อนคว้าชัยรวด 3 เกม 11-8, 11-5 และ11-6 พาลูกเด้งทีมชายไทยออกนำก่อน 1-0 คู่

        จากนั้นเหมือนผลของเกมคู่แรกทำให้มือตบที่เหลือของทีมไทยมีอาการคึกคักอย่างมาก ก่อนดาหน้ากันลงมาตบเอาชนะคู่แข่งอินโดนีเซียแบบราบคาบในอีก 2 คู่ต่อมา โดย เฉลิมพงษ์พันภู่ เอาชนะ เจสัน จอร์ลี่ 3-1เกม (11-9, 11-8, 9-11, 11-6)และประเภทคู่ รุ่งโรจน์ กับ เฉลิมพงษ์ ชนะ เจสัน จอร์ลี่ กับเอ็นเซ็ง มุสโตปา 3-0 เกม(11-9, 11-7, 11-3) ส่งผลให้ทีมเทเบิลเทนนิสทีมชายไทยคลาส ที6-7 เก็บชัยชนะ 3แมตช์รวดในระบบพบกันหมดครองเหรียญทอง "อาเซียนพาราเกมส์" เป็นสมัยที่ 7ติดต่อกัน

        ด้านนายสานนท์ วงศ์แก้ว ผู้ฝึกสอนทีมเทเบิลเทนนิสไทยกล่าวว่า นักกีฬาได้เก็บตัวซ้อมมายาวนานกว่า 7-8 เดือน และได้ทำการศึกษาคู่แข่งอย่างละเอียด ทำให้มีความพร้อมเต็มที่ อีกทั้งนักกีฬาในทีมแต่ละคนมีการพัฒนาด้านฝีมือและความเก๋าเกมมากขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะ "เนะ" เฉลิมพงษ์พันภู่ มือ 2 ของทีมที่แม้เจ้าตัวจะไม่มีข้อมือแต่ก็ยังไปฝึกฝนหัดใช้กล้ามแขนออกพลังให้สามารถเคาะแบ็กแฮนด์ได้เพิ่มเติมจากที่เมื่อก่อนตีไม่ได้เลยสุดท้ายทุกๆ คนสามารถช่วยกันทำผลงานดีจนทีมป้องกันแชมป์สำเร็จและเป็นแชมป์สมัยที่ 7ติดต่อกันของทีมเทเบิลเทนนิสชาย คลาส ที6-7 อีกด้วย หลังจากนี้ยังเหลือในประเภทเดี่ยวซึ่งก็ยังมีลุ้นคว้าเหรียญทองเพิ่มได้อีก

        ด้าน รุ่งโรจน์ ไทยนิยม กล่าวว่าการคว้าแชมป์ประเภททีมแล้วถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ส่วนอีเวนต์ประเภทเดี่ยวที่ตนเองเป็นแชมป์7 สมัยติด และครั้งนี้ก็มั่นใจว่าจะป้องกันแชมป์สมัยที่ 8 ติดต่อกันให้ได้ ซึ่งตนย้ำว่าจะเต็มที่กับทุกรายการแน่นอนยิ่งด้วยรายการอาเซียนพาราเกมส์ครั้งนี้ถือเป็นการซ้อมสนามใหญ่ก่อนจะร่วมชิงชัย "เอเชี่ยนพาราเกมส์ 2018" ที่อินโดนีเซียต่อไป

 

        ยกน้ำหนัก ชิง 2 ทอง ที่สนามไมเท็ค ฮอลล์ 3 ซึ่งนักกีฬาไทยสามารถเหมาทองได้หมดทั้ง 2รุ่น โดยในรุ่นน้ำหนัก 65 กก. "บัง" ณรงค์ แคสนั่น จอมพลังหนุ่มดีกรีเหรียญทองแดงพาราลิมปิกเกมส์ 2008 และเป็นเจ้าของเหรียญทองอาเซียนพาราเกมส์ 6 สมัยติด ขยับจากรุ่น59 กก. ขึ้นมาเล่นรุ่น 65 กก.โดยมี เหวียน ธาน ซวน ยกเหล็กจากเวียดนามผู้ซึ่งสร้างสถิติรายการนี้ไว้ที่ 171 กก.ร่วมวงป้องกันแชมป์ด้วย โดยผลปรากฎว่าช่วงการยกครั้งที่ 2มีเพียง ณรงค์ กับ เหวีย ธานซวน ที่ดวลกันตัวต่อตัว เพราะคู่แข่งคนอื่นไม่เรียกน้ำหนักสู้ ซึ่งยกเหล็กเจ้าของสถิติสามารถยกได้ที่ 170 กก. แต่ ณรงค์ ยกแซงที่ 171 กก. ทำสถิติเทียบเท่าเรคคอร์ดเดิม ครั้งสุดท้ายเหวียน ธาน ซวน จำต้องเรียกน้ำหนักที่สูงกว่าเพื่อเบียดคว้าทอง แต่จอมพลังเหวียนก็ไม่สามารถยกน้ำหนักที่ 173 กก.ตามที่เรียกได้ ก่อนที่จอมพลังไทยจะยกครั้งสุดท้ายที่ 174กก. เพื่อหวังสร้างสถิติใหม่ แต่ก็ยกไม่ขึ้น แต่ ณรงค์  ยัง คว้าเหรียญทองไปครองได้ด้วยสถิติ171 กก., เหรียญเงิน เหวียนธาน ซวน จากเวียดนาม สถิติ170 กก. และ ทองแดง อกุสตินโพเดส กีตาน จากฟิลิปปินส์ ยกได้ 158 กก.

 

        หลังแข่ง  ณรงค์ แคสนั่น กล่าวว่า ก่อนหน้านี้คิดว่ายังไงก็ต้องสู้เต็มที่และคิดว่ายังไง เหรียญทองก็ต้องเป็นของตนถึงแม้ว่ารุ่นนี้เวียดนามเป็นแชมป์เก่าและตนเองเพิ่งจะขยับรุ่นขึ้นมาจากรุ่น 59 กก. มาเป็น 65 กก. แต่ที่ผ่านมาตนก็ได้เช็ก สถิติระหว่างซ้อมและแข่งจริงของตนเองกับคู่แข่งจากเวียดนามคนนี้มาตลอด พร้อมกับการฝึกซ้อมมาอย่างหนักหน่วง จึงคิดว่าตนน่าจะสู้ได้ และในที่สุด พอทำสำเร็จก็รู้สึกโล่งใจมากที่คว้าเหรียญทองได้ อีกทั้งยังเป็นเหรียญทองครั้งที่ 7 ติดต่อกันในศึกอาเซียนพาราเกมส์

 

        ส่วนอีกรุ่น น้ำหนัก 59 กก.ชูชาติ สุขเจริญ ยกเหล็กหนุ่มไทยทำสถิติได้ 162 กก. คว้าเหรียญทองให้แก่ทัพพาราไทยได้สำเร็จเช่นกัน ขณะที่เหรียญเงินตกเป็นของ เหวียน วาน พุคจากเวียดนาม 160 กก. และเหรียญทองแดง กุสติน อาแนคเจนัง จากมาเลเซีย 120 กก.

 

        กรีฑา ชิง 29 ทอง ที่สนามบูกิตจาลีล สเตเดี้ยม โดยทัพนักกีฬากรีฑาไทยสามารถบวกเหรียญทองเพิ่มได้อีก 2 ทอง จาก วิ่ง400 ม. ชาย คลาส ที11 ศุภชัยสงพินิจ สปีดเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก ด้วยเวลา 54.14 วิ. และในรายการนี้ พีระพล หวาดบกอีกหนึ่งตัวแทนของไทยสามารถวิ่งเข้าเป็นที่ 3 คว้าเหรียญทองแดงด้วยเวลา 56.22 วิ.,ส่วนอีกหนึ่งรายการ ได้แก่ วิ่ง800 ม. ชาย คลาส ที37อภิสิทธิ์ ทาพรม นักวิ่งตัวแทนของไทยวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกด้วยเวลา 2.18.42 น. คว้าเหรียญทองไปครอง ก่อนที่ศักดิ์เพชร แซ่ว่าง อีกหนึ่งหนุ่มไทยจะวิ่งเข้าตามเข้ามา

 

เป็นอันดับ 2 ทำเวลา 2.18.45น. คว้าเหรียญเงินไป 

 

         ส่วนผลรายการอื่นๆ ของนักกีฬาไทย วิ่ง 200 ม. หญิงคลาส ที46/47 ภัคจิราพรกำนัน คว้าเหรียญเงิน สถิติ28.27 วิ., วิ่ง 400 ม. ชายคลาส ที13 จักรวาล เปรมฤดีชัยศักดิ์ คว้าเหรียญเงิน สถิติ57.31 วิ., วิ่ง 400 ม. ชายคลาส ที47 สุทัศน์ ยามี คว้าเหรียญทองแดง สถิติ 53.38วิ., วิ่ง 400 ม. ชาย คลาส ที12สมเดช ไชยยะ คว้าเหรียญทองแดง สถิติ 54.44 วิ., วิ่ง800 ม. ชาย คลาส ที38สุรศักดิ์ ดำชุม คว้าเหรียญเงินสถิติ 2.17.11 น., พุ่งแหลน ชายคลาส เอฟ46 อังคาร ชะนะบุญคว้าเหรียญเงิน สถิติ 46.34 ม.

 

        โบว์ลิ่ง ชิง 7 ทอง ที่ซันเวย์ ปิรามิด เปตาลิง จายา โดยทัพทอยแก่นคนพิการของไทยสามารถสอยมาได้ 1 เหรียญเงินกับอีก 1เหรียญทองแดง จากประเภทเดี่ยวผสม คลาส ทีพีบี1 เป็นทางด้าน วีรศักดิ์ ตั้งพูลพันธุ์ ที่โยนทำคะแนนรวมได้ 717คะแนน คว้าเหรียญเงินไปครอง  โดยแพ้ให้กัย มูฮาหมัดไฮรุล บิน หนุ่ม "เจ้าภาพ"มาเลเซียที่ทำได้ 919 คะแนนได้เหรียญทองไป ส่วนเหรียญทองแดงเป็นของกฤษฎา เกียรติก้องทวี จากได้เช่นกันที่โยนได้686 คะแนน

 

         ว่ายน้ำชิง 17 ทอง ที่เนชั่นแนลอควาติก เซนเตอร์ บูกิต จาลิลสเตเดี้ยม โดยนักว่ายน้ำทีมชาติไทยสามารถคว้าเหรียญทองมาได้ 1 เหรียญทอง จากทนงศักดิ์ หิตะคุณ ฟรีสไตล์100 เมตรชาย เอส11 หลังโชว์ฟอร์มเฉียบว่ายแตะขอบสระเข้ามาเป็นคนแรก เวลา 1.11.26นาที ส่วนเหรียญเงิน เหงียนวาน ทุง จากเวียดนาม เวลา1.11.61 นาที และ ปาน อันห์ ตูจากเวียดนาม เวลา 1.13.18นาที ขณะที่ ฟรีสไตล์ 100 เมตรชาย เอส13 รอบชิงชนะเลิศ ชัยพร เล่าเบ้ง ได้เหรียญทองแดงโดยว่ายแตะขอบสระที่ เวลา 1นาที 06.91 วินาที เหรียญทองทัน คอค พีห์ จากเวียดนามเวลา 1 นาที 01.62 วินาที และเหรียญเงิน หว่อง เซี้ยะ เว่ยจากสิงคโปร์ เวลา 1 นาที05.26 วินาที

 

        ฟุตบอล 5 ที่ ฮ๊อกกี้ เนชั่นแนลสเตเดี้ยม 2  ทีมชายคนความพิการทางสายตา รอบแรกแข่งขันแบบพบกันหมด หาทีมอันดับที่  1 และ 2 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ  ระหว่างทีมชาติไทยรองแชมป์เก่า ลงสนามนัดที่ 2หลังจากที่นัดแรกเอาชนะเจ้าภาพมาเลเซียมาได้ 2-1 พบกับทีมชาติลาว ปรากฎว่า ขุนพลนักเตะทีมชาติไทยยังคงเหนือชั้นกว่า เอาชนะไป 4-1 การันตีเข้ารอบชิงชนะเลิศแน่นอนแล้วแม้ว่าจะเหลือการแข่งขันอีก1นัดที่จะพบกับเวียดนามก็ตามส่วนในประเภทีมหญิง  แข้งสาวไทย สามารถเอาชนะ “สาวหม่อง” เมียนมาร์ ไปได้แบบสบาย 10-1  คว้าชัยได้เช่นกัน

 

        วีลแชร์บาสเกตบอล ที่ ไมเทคฮอลล์ เป็นการชิงชัยในรอบแรก นัดที่2 วีลแชร์บาสเก็ตบอลทีมชาติไทย  ลงสนามดวลกับ“หนุ่มตาลาล็อก” ฟิลิปปินส์  ปรากฏว่า  ทีมยัดห่วงหนุ่มไทยยังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมชูตไล่ถล่มเอาชนะ ฟิลิปปินส์ ไปได้แบบขาดลอย 89-38 คะแนน คว้าชัยเป็นนัดที่ 29ติดต่อกัน

ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์บ้านเมืองออนไลน์ วันที่ 19 กันยายน 2560
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก