ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

งานศิลป์ ยกระดับผู้พิการทางสายตากับกิจกรรม “ศิลปะสัมผัสได้”

วันที่ลงข่าว: 12/09/17

        โลกของผู้พิการทางสายตา ศิลปะจะเข้าไปอยู่ในจิตใจของเขาได้อย่างไร ถือเป็นคำถามที่สังคมต้องพยายามถอดบทเรียนจากความมืด ให้เขาได้สัมผัสศิลปะ ด้วยเหตุนี้ ธนาคารยูโอบี (ไทย) จึงได้ร่วมกับ บริษัท กล่องดินสอ จำกัด ผลักดันให้เกิดโครงการ UOB Please Touch หรือ “โครงการกรุณาสัมผัส” ขึ้นในปี 2559  ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนทำให้ในปี 2560 นี้ ได้ยกระดับสู่การจัดการเรียนการสอนวิชาศิลปะให้กับผู้พิการทางสายตาระดับมัธยมศึกษาขึ้นไป ที่มีความสนใจด้านศิลปะ เพื่อสร้างโอกาสสู่การเป็นศิลปินอาชีพ โดยจัดเป็นกิจกรรมเวิร์คช็อป “ศิลปะสัมผัสได้”

        สัญชัย อภิศักดิ์ศิริกุล กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่การเงินและสนับสนุนธุรกิจ ธนาคารยูโอบี(ไทย) บอกว่า ทางธนาคารยูโอบีได้มีแนวทางที่ชัดเจนในเรื่องของการสนับสนุนโครงการทางด้านศิลปะ การศึกษา และเยาวชน ในทุกประเทศที่องค์กรตั้งอยู่ ซึ่งในประเทศไทยได้พาร์ทเนอร์ที่ดีอย่าง กล่องดินสอ ทำให้เกิดโครงการด้านการสอนศิลปะให้แก่น้องๆ ผู้พิการทางสายตาร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2559 ผ่านความร่วมมือของโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ

 

        สัญชัย กล่าวว่า กิจกรรมเวิร์คช็อป “ศิลปะสัมผัสได้” ถือเป็นการเติมเต็มจินตนาการผ่านงานฝีมือให้กับผู้พิการทางสายตา ซึ่งจะได้เรียนรู้เทคนิค และวิธีการในการสร้างสรรค์งานศิลปะ จนสามารถทำเป็นงานฝีมือได้ โดยมีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะเพื่อผู้พิการทางสายตา ร่วมด้วยอาสาสมัครพนักงานธนาคารยูโอบีร่วมกิจกรรมในแต่ละครั้ง ซึ่งพนักงานจิตอาสาของธนาคารก็เข้ามาเป็นพี่เลี้ยงให้กับน้องๆ ผู้พิการทางสายตาในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เช่น ช่วยน้องๆ จับกรรไกร ไกด์ให้น้องๆ มัดเชือก มัดเส้นด้าย หรือช่วยจับอุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้พิการทางสายตาในการสร้างงานศิลปะอีกด้วย”

 

        เจิดศิลป์ สุขุมินท “ครูอาร์ต” ครูสอนศิลปะ โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ อีกหนึ่งบุคลสำคัญที่อยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของเด็กๆผู้พิการทางสายตา กล่าวถึงประสบการณ์ที่ได้ทำงานร่วมกับน้องๆ ว่าผู้พิการทุกคนล้วนมีความต้องการที่จะแสดงออกเหมือนกับคนทั่วไป แต่ด้วยวิธีการแสดงออกที่จำกัด มีเพียงทักษะสัมผัส ฟัง และรับรู้เรื่องกลิ่น ซึ่งเด็กๆส่วนใหญ่จะแสดงออกไปทางดนตรี แต่ก็มีเด็กบางคนที่ต้องการจะแสดงออกทางด้านทัศนศิลป์เช่นกัน แต่ด้วยข้อจำกัดของจำนวนครูหรือแม้แต่โรงเรียนก็ตาม ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้เด็กบางคนใช้เวลาหลังเลิกเรียนเข้ามาทดลอง เข้ามาปั้น หรือบางคนก็ขอวัสดุต่างๆไปทดลองด้วยตัวเอง

 

        “ซึ่งการมี โครงการ "ศิลปะสัมผัสได้" ขึ้นมา ถือเป็นการต่อยอดให้เด็กๆได้ฝึกใช้ทักษะที่ถูกต้อง ช่วยส่งเสริมนิสัยรักการทดลองของเด็กตาบอดได้ ซึ่งบุคลิกของเด็กที่สอน จะมีอยู่ 2 แบบ คือเด็กที่ละเอียด คือเด็กที่สามารถสอนได้ สื่อสารทางศิลปะได้อย่างชัดเจน และแบบที่สอง คือเด็กที่ระบายอารมณ์ ซึ่งเราก็ต้องให้ความสำคัญ เพราะงานของเขาจะเป็นลักษณะนามธรรมและบริสุทธิ์มากๆ เพราะผ่านออกมาจากความรู้สึกจริงๆ นั่นทำให้เค้ามีความสุข และเมื่อผ่านเข้าสู่ระบบโครงการ สิ่งที่เขาได้รับคือฝึกให้เขานิ่งขึ้น จากผลงานที่เมื่อก่อนจะแปะทุกๆอย่างเข้าด้วยกัน กลับกลายเป็น ว่า ต้องการเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอ แสดงให้เห็นว่าเค้าวิเคราะห์และเห็นถึงความพอดีได้มากขึ้น”

 

        แม้จะมองไม่เห็น อยู่ในโลกความมืด แต่ศิลปะก็ขัดเกลาจิตใจและสามารถยกระดับ สร้างคุณค่า เพิ่มศักยภาพของคนเราได้ เพราะมุมมองศิลปะสวยไม่สวยไม่ได้อยู่แค่การมองเห็น แต่หากใช้ใจเปิดรับและสัมผัสถึงความหมายอันลึกซึ้งของงานศิลปะได้ นั่นแปลว่าการสื่อสารและสร้างสรรค์ของศิลปินประสบความสำเร็จ ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการ “ศิลปะสัมผัสได้” จะสามารถสร้างแรงบันดาลใจและจุดพลังของเหล่าน้องๆ ผู้พิการทางสายตาให้ก้าวข้ามและกลายเป็นศิลปินสร้างสรรค์ผลงานสร้างอาชีพได้ในอนาคต

ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์บ้านเมืองออนไลน์ วันที่ 11 กันยายน 2560
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก