ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

รมว.พม.ชื่นชมชายพิการสู้ชีวิต ที่ จ.สงขลา พร้อมกำชับ จนท. เร่งช่วยเหลือครอบครัวผู้ด้อยโอกาสที่ จ.นครนายก และ จ.เชียงใหม่

วันที่ลงข่าว: 30/08/17

        รมว.พม. ชื่นชมชายพิการสู้ชีวิตวัย 32 ปี เดินตะเวนขายพวงมาลัย เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว ที่ จ.สงขลา พร้อมกำชับ จนท. เร่งช่วยเหลือครอบครัวผู้ด้อยโอกาสและประสบปัญหาทางสังคม ที่ จ.นครนายก และ จ.เชียงใหม่ 

วันที่ 30 ส.ค. 60  เวลา 08.00 น. นายณรงค์ คงคำ โฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ศปก.พม.) ครั้งที่ 702/2557-2560 เพื่อรับทราบปัญหาทางสังคมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และร่วมหาแนวทางการแก้ไขปัญหาและการป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยมีผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานในกระทรวงฯ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 8 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ

 

        พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า จากกรณีชายวัย 32 ปี ร่างกายพิการ มีรูปร่างแคระ ครอบครัวมีฐานะยากจนแต่สู้ชีวิต ด้วยการเดินตระเวนขายพวงมาลัยตามสี่แยกไฟแดง เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว ต้องเลี้ยงดูภรรยาและลูกชายวัยกำลังเรียนหนังสือ ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นั้น ตนขอชื่นชมชายดังกล่าวที่มีจิตใจที่เข้มแข็งมีความมานะอดทนและขยันหมั่นเพียร ถึงแม้มีอุปสรรคทางร่างกายแต่ไม่ย่อท้อ และไม่นำมาเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต ด้วยการประกอบอาชีพเพื่อหาเงินช่วยเหลือครอบครัว นับว่าน่ายกย่องเป็นแบบอย่างที่ดีของคนพิการที่สู้ชีวิต ทั้งนี้ ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสงขลา (พมจ.สงขลา) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เร่งลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และประเมินทางสังคมของครอบครัวดังกล่าว เพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจด้านเด็กและคนพิการของกระทรวง พม. พร้อมมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น และอุปกรณ์การศึกษา อีกทั้ง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ช่วยเหลือดูแลในเรื่องการการศึกษาของเด็กอย่างต่อเนื่องในระยะยาว รวมทั้งให้ความช่วยเหลือและคำแนะนำปรึกษาในเรื่องสวัสดิการสังคมตามความเหมาะสม อาทิ การส่งเสริมการประกอบอาชีพด้วยการฝึกอาชีพและเงินทุน เพื่อสร้างรายได้ที่เพียงพอและมั่นคงในระยะยาวต่อไป

 

        พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีหญิงรายหนึ่ง ต้องรับภาระเพียงลำพังในการเลี้ยงดูสามีพิการเป็นอัมพาตจากอุบัติเหตุ ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และลูกสาวฝาแฝดอีก 2 คน วัย 2 ขวบครอบครัวมีฐานะยากจน ซึ่งทั้ง 4 ชีวิต อาศัยในเพลิงไม้สภาพเก่าทรุดโทรมใกล้ผุพัง ที่อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ และกรณีเด็กหญิงวัย 12 ปี ที่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เนื่องจากผู้เป็นแม่ที่เป็นเสาหลักของครอบครัว และน้องชายวัย 7 ขวบ ถูกคนเมาสุราขี่รถจักรยานยนต์พุ่งชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และนอนพักรักษานานกว่า 3 เดือน แต่คู่กรณีไม่ได้รับผิดชอบ โดยทั้ง 3 ชีวิต อาศัยในบ้านไม้สภาพเก่าใกล้ผุพังและมีน้ำท่วมล้อมรอบทำให้เด็กหญิงต้องใช้แผ่นโฟมลอยแทนเรือในการเดินทางเข้า-ออกบ้านทุกวัน แล้วขออาศัยรถยนต์เพื่อนบ้านไปโรงเรียน ที่อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก นั้น ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พมจ.) ทั้ง 2 จังหวัด ได้แก่ พมจ.เชียงใหม่ และ พมจ.นครนายก พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เร่งลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และประเมินทางสังคมของครอบครัวทั้งหมดดังกล่าว เพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจด้านเด็กและคนพิการของกระทรวง พม. พร้อมมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น และอุปกรณ์การศึกษา อีกทั้ง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ช่วยเหลือดูแลในเรื่องการรักษาพยาบาลผู้ป่วยทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง การศึกษาของเด็กในระยะยาว และปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัยให้ถูกสุขลักษณะ มีความมั่นคง และปลอดภัยเหมาะกับคนพิการและผู้ป่วย นอกจากนี้ ยังให้ความช่วยเหลือและคำแนะนำปรึกษาในเรื่องการขอรับสิทธิสวัสดิการสังคมของเด็ก เยาวชน สตรี และคนพิการ ตามกฎหมายอย่างเหมาะสม

 

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก