ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

จังหวัดสุราษฎร์ธานี เตรียมความพร้อมการจัดให้มีสภาเด็กและเยาวชนทุกระดับ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่2) พ.ศ.2560

วันที่ลงข่าว: 22/08/17

        วันที่ 21 ส.ค. 60 ณ โรงแรมแก้วสมุยรีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายจิรศักดิ์ ชัยฤทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมการจัดให้มีสภาเด็กและเยาวชนทุกระดับ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 เพื่อเตรียมความพร้อมการจัดให้มีสภาเด็กและเยาวชน ให้แก่เจ้าหน้าที่จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จาก กศน.จังหวัด ศึกษาธิการจังหวัด สำนักงานเขตพื้นที่มัธยม เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เด็กและเยาวชนและเยาวชน จากหลากหลายกลุ่มได้เข้าร่วมกิจกรรม และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในจังหวัด จำนวน 7 หน่วยงาน หรือเรียกว่า ทีม One Home ซึ่งในวันนี้มีผู้เข้าร่วม จำนวน 200 คน

        รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากการสัมมนาวันเยาวชนแห่งชาติ เสียงสะท้อนจากเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2547 เยาวชนได้เสนอความต้องการให้มีการจัดให้มีสภาเด็กและเยาวชนแห่งชาติขึ้น ซึ่งคณะกรรมการจัดงานวันเยาวชนแห่งชาติ จึงมีมติให้สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นกรมกิจการเด็กและเยาวชน โดยดำเนินการจัดให้มีให้มีสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดนำร่องใน 4 จังหวัด ต่อมาในปี 2553 ได้จัดให้มีให้มีสภาเด็กและเยาวชนครบทั้ง 76 จังหวัด ภายใต้หลักการ เด็กนำ ผู้ใหญ่หนุน ในปี 2560 และได้มีการเสนอปรับแก้ไขพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 ซึ่งประเด็นสำคัญ คือ การกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการจัดให้มีสภาเด็กและเยาวชนตำบล สภาเด็กและเยาวชนเทศบาล และตามมาตรา 22 ให้องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล จัดให้มีสภาเด็กและเยาวชนตำบล สภาเด็กและเยาวชนเทศบาล ให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน และจัดตั้งสภาเด็กและเยาวชนระดับอำเภอและจังหวัดให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนในทุกระดับได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ มีการทำงานเป็นทีม ได้ทำกิจกรรมที่ตนชอบและสร้างเครือข่ายในการทำงาน

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก