ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย เตือนประชาชนให้ระวังโรคไข้หวัดใหญ่ ในช่วงฤดูฝนภายหลังพบผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่สถานบริการสาธารณสุขเพิ่มขึ้น

วันที่ลงข่าว: 03/08/17

       นายวิวรรธน์ ก่อวิริยกมล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย เปิดเผยถึงข้อมูล จากงานระบาดวิทยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลย ว่า พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ที่มาขอรับการรักษาที่สถานพยาบาลในจังหวัดเลย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มกราคม – 27 กรกฎาคม 2560 จำนวน 188 ราย โดยพบมากที่สุดที่อำเภอวังสะพุง 67 ราย รองลงมาคือ อำเภอเมืองเลย 31 ราย และอำเภอปากชม 27 ราย

        นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย เปิดเผยอีกว่า โรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากการการติดเชื้อไวรัสที่ระบบทางเดินหายใจ สามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็ว ติดต่อโดยการหายใจเอาเชื้อไวรัสที่กระจายอยู่ในอากาศ หรือหายใจเอาละอองน้ำมูก น้ำลายที่มีเชื้อไวรัสเข้าไป อาการมักจะเริ่มด้วยการปวดศีรษะ หนาวสั่น ต่อมามีไข้ทันทีทันใด ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียมาก ไอแห้งๆ แล้วมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และเจ็บคอตามมา ซึ่งอาการมักรุนแรงและป่วยนานกว่าไข้หวัดธรรมดา ไข้จะอยู่นานประมาณ 3-4 วัน และหายเป็นปกติ ใน 7 วัน แต่ในผู้สูงอายุ จะมีอาการอ่อนเพลียไม่มีแรงอาจเป็นอยู่หลายสัปดาห์ ส่วนอาการในเด็ก อาจแยกจากโรคระบบทางเดินหายใจจากไวรัสอื่นๆ ได้ยาก เช่น ไข้หวัดธรรมดา หลอดลมอักเสบ ปอดบวม เป็นต้น อาจมีอาการของระบบทางเดินอาหารร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน และท้องร่วง และมักมีความรุนแรงจากโรคแทรกซ้อน ทั้งปอดบวมจากเชื้อไวรัส และจากเชื้อแบคทีเรีย

        สำหรับการป้องกันและการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ ให้ยึดหลัก ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด หมายถึง ปิด คือ ปิดปาก ปิดจมูก เมื่อ ไอ จาม ล้าง คือ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ เลี่ยง คือ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วย หยุด คือ เมื่อป่วย ควรหยุดเรียน หยุดงาน หยุดทำกิจกรรมที่แออัด โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโรค ไม่ใช้แก้วน้ำ ช้อน ผ้าเช็ดหน้า ร่วมกับผู้ป่วย ใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือคลุกคลีกับผู้ป่วย เมื่อเริ่มมีอาการตัวร้อน ควรใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัว หรือกินยาลดไข้ ยกเว้น ยาแอสไพรินเพราะถ้าเป็นไข้เนื่องจากโรคไข้เลือดออกจะยิ่งเป็นอันตรายต่อชีวิต ถ้าอาการไม่ดีขึ้น คือ มีอาการไอมากขึ้น หรือมีไข้สูงนานเกิน 2 วัน ควรไปพบแพทย์ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ถ้าหายใจเร็ว หอบ หรือหายใจแรงจนชายโครงบุ๋ม หรือหายใจมีเสียงดัง ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อรับการตรวจรักษาโดยเร็วที่สุด

        ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ควรไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ 1.กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2.กลุ่มเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี 3.กลุ่มผู้มีโรคเรื้อรัง 4.กลุ่มบุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่ควรได้รับวัคซีน คือ ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) โดยสามารถรับบริการ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ฟรี ที่สถานพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน ตั้งแต่บัดนี้ จนถึง 31 สิงหาคม 2560 ที่สำคัญควรพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอและทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ด้วย

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก