ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

พม.ห่วงใยลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ

วันที่ลงข่าว: 01/08/17

         รมว.พม. ห่วงใยประชาชนที่ประสบเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมกำชับ จนท. เร่งลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และกำชับ จนท. เร่งช่วยเหลือครอบครัวผู้ด้อยโอกาสและประสบปัญหาทางสังคม ที่ จ.บุรีรัมย์ และตราด 

         วันที่ 31 ก.ค. 60  เวลา 08.00 น. นายณรงค์ คงคำ โฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ศปก.พม.) ครั้งที่ 681/2557-2560 เพื่อรับทราบปัญหาทางสังคมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และร่วมหาแนวทางการแก้ไขปัญหาและการป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยมีผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานในกระทรวงฯ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 8 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ

        พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักและน้ำท่วมจากอิทธิพลของพายุเซินกา ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงนี้ ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและเกิดผลกระทบเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ตนมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้เน้นย้ำให้หน่วยงานในพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์และลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเป้าหมายของกระทรวง พม. อาทิ เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม โดยขอให้กำลังใจและเร่งฟื้นฟูช่วยเหลือในด้านต่างๆ ได้แก่ การมอบถุงยังชีพ เงินสงเคราะห์ครอบครัว การสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว และเปิดครัว พม. โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นสำหรับประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว

         พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อไปว่า จากกรณีชายชราวัย 81 ปี รับภาระเพียงลำพังดูแลภรรยาแก่ชราวัย 84 ปี ที่พิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง ร่างกายผอมซูบ แขน-ขาลีบ ขางอพับไม่สามารถเหยียดตรงได้ นอนป่วยติดเตียง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ครอบครัวมีฐานะยากจน อาศัยเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุใช้ประทังชีวิต ที่จังหวัดบุรีรัมย์ นั้น ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์ (พมจ.บุรีรัมย์) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เร่งลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและประเมินทางสังคมของครอบครัวดังกล่าว เพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจด้านผู้สูงอายุและคนพิการของกระทรวง พม. พร้อมมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น อีกทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ช่วยเหลือดูแลในเรื่องการรักษาพยาบาลอาการป่วยของหญิงชราอย่างใกล้ชิด อีกทั้งร่วมกันหาแนวทางการช่วยเหลือดูแลตามสวัสดิการสังคมในระยะยาวต่อไป

        พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีชายวัย 41 ปี ไร้สัญชาติ ไม่มีบัตรประชาชน ต้องรับภาระเลี้ยงดูภรรยาที่ป่วยเป็นโรคหัวใจตีบ และโรคไต นอนป่วยติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทำให้ตนเองต้องลาออกจากงานเพื่อมาอยู่ดูแลอย่างใกล้ชิด ครอบครัวขาดรายได้ ทั้งยังต้องเลี้ยงดูลูกวัยกำลังเรียนอีก 3 คน ซึ่งไร้สัญชาติ ทั้ง 5 ชีวิต อาศัยในบ้านสภาพเก่าทรุดโทรม ครอบครัวมีฐานะยากจน ที่ อำเมือง จังหวัดตราด นั้น ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตราด (พมจ.ตราด) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เร่งลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและประเมินทางสังคมของครอบครัวดังกล่าว เพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจของกระทรวง พม. พร้อมมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น และอุปกรณ์การศึกษา อีกทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ช่วยเหลือดูแลในเรื่องการรักษาพยาบาลของหญิงคนดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ดูแลเรื่องการศึกษาของเด็กทั้งหมดในระยะยาว การปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัยให้มีความมั่นคง แข็งแรง และถูกสุขลักษณะ และการพาไปทำบัตรประชาชน เพื่อให้ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานตามสวัสดิการสังคม นอกจากนี้ ให้คำแนะนำปรึกษาแก่ครอบครัวในเรื่องการส่งเสริมการประกอบอาชีพ เพื่อสร้างรายได้ที่เพียงพอและมั่นคง สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ในระยะยาวต่อไป

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก