ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ศูนย์จัดหางานคนพิการพระมหาไถ่ เปิดโครงการสร้างแรงบันดาลใจและแนะแนวอาชีพของคนพิการจังหวัดสกลนคร

วันที่ลงข่าว: 14/07/17

         เช้าวันนี้ (13 ก.ค. 60) นายวิทยา จันทร์ฉลอง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ได้เป็นประธานเปิดโครงการสร้างแรงบันดาลใจและแนะแนวอาชีพของคนพิการจังหวัดสกลนคร โดยมีนายเอกรินทร์ สวัสดิ์แวงควง ผู้จัดการศูนย์จัดหางานคนพิการพระมหาไถ่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและผู้พิการที่เข้าร่วมโครงการ ร่วมให้การต้อนรับ

        นายเอกรินทร์ สวัสดิ์แวงควง ผู้จัดการศูนย์จัดหางานคนพิการพระมหาไถ่ ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการในครั้งนี้ว่า เพื่อให้คนพิการได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารด้านส่งเสริมอาชีพและการมีงานทำตามกฎหมาย ตลอดจนมีแรงบันดาลใจในการพัฒนาทักษะทางอาชีพตามความเหมาะสม , คนพิการที่อยู่ตามชนบทได้รับคำปรึกษาและแนะแนวอาชีพอย่างเหมาะสม เช่น การฝึกอาชีพ การประกอบอาชีพ หรือการเข้าไปทำงานในสถานประกอบการภาคเอกชนและหน่วยงานของรัฐและเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับคนพิการและความพิการ สามารถให้ความช่วยเหลือคนพิการได้อย่างเหมาะสม รวมไปถึงการรับคนพิการเข้าไปทำงานในหน่วยงาน

ด้านนายวิทยา จันทร์ฉลอง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ในฐานะประธานได้กล่าวว่า จังหวัดสกลนครได้ให้ความสำคัญและมีการส่งเสริมและสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะที่อัครสังฆมณฑลท่าแร่หนองแสง อำเภอท่าแร่ ได้สนับสนุนการให้ผู้พิการให้กู้ยืมเงินเพื่อประกอบอาชีพ นอกจากนี้หน่วยงานภาครัฐและสถานประกอบการภาคเอกชนรับคนพิการเข้าทำงานตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ยังได้ส่งเสริมการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการตามสถานที่ราชการและสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อให้คนพิการได้เข้าถึงการบริการของทางภาครัฐและใช้ชีวิตอย่างอิสระ และอยู่ร่วมกันกับสังคมได้อย่างเท่าเทียม

        สำหรับศูนย์จัดหางานคนพิการพระมหาไถ่ เป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อพัฒนาคนพิการ ได้รับการสนับสนุนจากรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ได้ดำเนินโครงการสร้างแรงบันดาลใจและแนะแนวอาชีพของคนพิการมีเป้าหมายอยู่ 4 จังหวัดคือ จังหวัดยโสธร สกลนคร น่าน และกำแพงเพชร โดยที่จังหวัดสกลนครนับได้ว่าเป็นจังหวัดที่ 2 ของการจัดโครงการฯ ในวันนี้มีผู้พิการที่สนใจเข้าร่วมจำนวน 97 คน เจ้าหน้าที่ดูแลคนพิการอีก 79 คนรวมทั้งสิ้น 176 คน

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก