ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

จ.กาฬสินธุ์ มอบเงินกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ประจำปี 2560 จำนวน 47 ราย

วันที่ลงข่าว: 07/07/17

        จังหวัดกาฬสินธุ์ อนุมัติเงินทุนเพื่อประกอบอาชีพกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ประจำปี 2560 ครั้งที่ 3 จำนวน 47 ราย เป็นเงิน 1,605,000 บาท เพื่อให้ผู้พิการและผู้ดูแลคนพิการนำไปประกอบอาชีพค้าขาย เกษตรกรรม งานช่าง/บริการ เพื่อสร้างรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว

วันที่ 6 ก.ค. 60  ที่ห้องประชุม 3/2 ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ นายมงคล อดทน รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานพิธีมอบเงินทุนเพื่อประกอบอาชีพกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ประจำปี 2560 จำนวน 47 ราย เป็นเงิน 1,605,000 บาท เพื่อให้คนพิการและผู้ดูแลคนพิการในจังหวัดกาฬสินธุ์นำเงินไปเป็นทุนในการประกอบอาชีพอิสระตามศักยภาพของคนพิการให้สามารถสร้างรายได้จากการประกอบอาชีพจุนเจือครอบครัว มีคุณภาพชีวิตที่ดี ดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข

        นางพัทธ์วิรา สุวรรณ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการได้มีการกู้ยืมเงิน เพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพของคนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ กู้รายบุคคลรายละ 60,000 บาท ทั้งนี้หากประสงค์จะขอกู้ยืมเกินกว่าวงเงินที่กำหนดให้มีการพิจารณาเป็นราย ๆ ไป รายละไม่เกิน 120,000 บาท และรายกลุ่ม ๆ ละไม่เกิน 1,000,000 บาท โดยไม่มีดอกเบี้ย ในส่วนของจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้รับจัดสรรเงินกู้ยืมกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเพื่อประกอบอาชีพ ประจำปี 2560 เป็นเงิน 13,400,000 บาท ซึ่งในปีงบประมาณ 2560 คณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้อนุมัติเงินกู้ยืมแล้ว 2 ครั้ง จำนวน 110 ราย เป็นเงิน 3,890,000 บาท คงเหลือ 9,510,000 บาท และในครั้งนี้เป็นการอนุมัติเงินกู้ยืมครั้งที่ 3 จำนวน 47 ราย เป็นเงิน 1,605,000 บาท แบ่งเป็นกู้ไปประกอบอาชีพค้าขาย 12 ราย, เกษตรกรรม 28 ราย และงานช่าง/บริการ 7 ราย

        ด้านนายมงคล อดทน รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้กล่าวกับผู้รับเงินกู้ยืมว่า ขอให้ทุกท่านที่ได้รับการอนุมัติเงินทุนเพื่อประกอบอาชีพทั้ง 47 ราย นำเงินที่ได้ไปใช้ในการประกอบอาชีพ ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก