ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

จังหวัดกาญจนบุรีมอบเงินช่วยเหลือผู้ป่วยในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

วันที่ลงข่าว: 04/07/17

        จังหวัดกาญจนบุรีมอบเงินช่วยเหลือผู้ป่วยในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อนำเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาพบแพทย์ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ห่างไกลและการเดินทางลำบาก

วันที่ 3 ก.ค.60 ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี นายรณชัย จิตรวิเศษ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และนางวัชรินทร์ จิตรวิเศษ รักษาการนายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบเงินช่วยเหลือและถุงยังชีพ ให้แก่ นางสาวมือเข้ง จำรัสวาณิชย์ ผู้ป่วยในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมด้วย นายอุทิศ บุญช่วย พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกาญจนบุรี , นางฤทัย วรรธนวินิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา นายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี แพทย์ พยาบาล

        สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯ ทรงเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานโครงการตามพระราชดำริในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2560 และทรงรับนางสาวมือเข้ง จำรัสวาณิชย์ อายุ 28 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ที่ 5 ตำบลไล่โว่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้ป่วยในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สำหรับผู้ป่วยมีความพิการทางด้านจิตใจหรือพฤติกรรม โดยป่วยเป็นจิตเภท เนื่องจากเคยมีอาหารไข้สูงและชัก ทำให้ส่งผลต่อระบบสมอง มีอาการคุยคนเดียว หูแว่ว และเห็นภาพหลอน เคยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสังขละบุรี แต่ประสบปัญหาเรื่องการเดินทาง จึงไม่ได้เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังไม่เคยได้พบจิตแพทย์โดยตรง ซึ่งแพทย์ได้วินิจฉัยว่าควรส่งต่อมารับการรักษาที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี

        จังหวัดกาญจนบุรี โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้พิจารณาว่า นางสาวมือเข้ง อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลและมีความลำบากในการเดินทางเป็นอย่างมาก ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูง จึงได้ดำเนินการช่วยเหลือเงินสำหรับใช้เป็นค่าเดินทางทุกครั้งที่เดินทางมาพบแพทย์ จำนวน 6,500 บาท และเหล่ากาชาดจังหวัดกาญจนบุรีและช่วยเหลือสนับสนุนในด้านอื่น ๆ ต่อไป

 

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก