ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

สภากาชาดไทย จัดโครงการศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขปากแหว่ง-เพดานโหล่ให้กับราษฎรชาวกาฬสินธุ์

วันที่ลงข่าว: 20/06/17

          สภากาชาดไทย ร่วมกับ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดโครงการศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขปากแหว่ง-เพดานโหว่และความพิการอื่นๆ ให้กับราษฎรชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 103 คน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

         วันที่ 19 มิ.ย. 60 ที่ห้องประชุมเปรื่อง อนุชวณิช โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ นางเนตรชนก คำดี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดโครงการศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขปากแหว่ง-เพดานโหว่ และความพิการอื่นๆ โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ร่วมกับคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดขึ้นเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาปากแหว่ง-เพดานโหว่ และความพิการอื่นๆ ให้กับราษฎรชาวกาฬสินธุ์ เป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้นและสามารถดำรงชีวิตอย่างมีความสุข

         ดร.วิมลรัตน์ ภูผาสุก รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า โรคปากแหว่ง-เพดานโหว่ เป็นความพิการของใบหน้าแต่กำหนดที่พบมากที่สุด โดยมีอัตราการเกิดความพิการปากแหว่งประมาณ 1 ต่อ 650 ของทารกเกิดมีชีพ และความพิการเพดานโหว่ประมาณ 1 ต่อ 2,500 ต่อทารกเกิดมีชีพ ความพิการนี้ทำให้ทารกมีความยากลำบากในการดูดนมและรับประทานอาหารมีการสำลักอาหาร ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย เช่น ปอดบวม หูน้ำหนวก ในด้านการออกเสียงลักษณะเสียงขึ้นจมูกทำให้พูดไม่ชัด และรูปลักษณ์ภายนอกที่พิการเป็นปมด้อย นอกจากนี้ยังมีความพิการทางศัลยศาสตร์ตกแต่งอื่นๆ เช่น แผนเป็นหดรั้งจากไฟไหม้น้ำร้อนลวก นิ้วติด นิ้วเกิน ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาในการดำรงชีวิต สำหรับโครงการศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขปากแหว่ง – เพดานโหว่และความพิการอื่นๆ ของสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ที่จัดขึ้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์มีการระดมศัลแพทย์ตกแต่ง ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ วิสัญญีแพทย์ และพยาบาลอาสาสมัครจากที่ต่างๆ รวมทั้งหน่วยงานศัลยศาสตร์ตกแต่งและเสริมสร้าง ภาควิชาศัลยศาสตร์ ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ ภาควิชาวิสัญญีวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการรักษาผู้ป่วยจังหวัดกาฬสินธุ์ ประกอบด้วย ผู้ป่วยปากแหว่ง เพดานโหว่ จำนวน 20 คน , ผู้ป่วยนิ้วเกิน/นิ้วติดกัน จำนวน 17 คน , นิ้วล็อค จำนวน 22 คน แผนเป็น จำนวน 10 คน และอื่นๆ จำนวน 17 คน รวมทั้งสิ้น 103 คน

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก